มองบวกสงครามการค้า สร้างสมดุลโลกไทยรับ "ส้มหล่น"

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

มองบวกสงครามการค้า สร้างสมดุลโลกไทยรับ "ส้มหล่น"

Date Time: 14 พ.ค. 2568 06:01 น.

Summary

ศุภชัย เจียรวนนท์ ย้ำไทยได้ประโยชน์จากความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้า แนะภาคธุรกิจพลิกวิกฤติเป็นโอกาส

Latest

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคนิวโลว์ 33 เดือน

สัมภาษณ์ "ศุภชัย เจียรวนนท์" ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธาน คณะกรรมการ บริษัท True Corporation จำกัด (มหาชน) ย้ำไทยได้ประโยชน์จากความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้า แนะภาคธุรกิจพลิกวิกฤติเป็นโอกาส

การประชุม World Economic Forum เมื่อต้นปี 68 เริ่มส่งสัญญาณให้ระวัง “โดนัลด์ ทรัมป์”

“ใช่เลยครับ เขาบอกว่าเป็นตัวแปรที่คาดเดาไม่ออก เราต้องมานั่งลุ้นกันว่า มันจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เราก็นั่งลุ้นกันอยู่ทั้งโลกจริงๆ เพราะเมื่อเดือน เม.ย.68 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีประเทศคู่ค้า จนเกิดสงครามการค้าไปทั่วโลกแล้ว

แต่ผมคิดว่า เป็นการถ่วงดุลทางการเมืองโลกที่ดี เศรษฐกิจโลกเกิดการเขย่า เกิดการถ่วงดุล ถ้าเรามองในทางบวก มันก็คือว่า ถ้าสหรัฐฯไปสุดทางนี้ จีนก็ไปอีกทางหนึ่ง คุณทวนกระแสโลกาภิวัตน์ (Deglobali zation) ฉันก็ผลักดันเรื่องโลกาภิวัตน์ (Globalization) เรื่องการค้าขายระหว่างประเทศ การค้าเสรี คุณไปเจรจาสองฝ่าย ฉันเจรจากับทั้งโลก มันจะถ่วงความสมดุลได้ดี อันนี้เป็นมุมบวก

แต่ในเวลาเดียวกัน ก็ต้องสร้างสมดุลให้ดี ผมยังเชื่อว่า หน้าฉากดูเหมือนชนกันรุนแรง แต่หลังฉาก หลายๆนโยบายก็ขับเคลื่อนร่วมกันได้ เศรษฐกิจโลกอาจจะดีขึ้น และทั้ง 2 ประเทศก็จะดีด้วย แต่ขณะเดียวกัน ก็มี “Unpredictable Area” จุดที่คาดเดาลำบาก ในความเป็นผู้นำของทั้ง 2 ฝั่ง โดยเฉพาะตอนนี้ ฝั่งของสหรัฐฯต้องรอดูว่า เขาอาจได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ หรืออาจจะเป็นผู้ที่จุดประกายสงครามโลกก็ได้” ไทยจะได้รับส้มหล่นจากความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน

“ผมมองว่า ภายใต้ความไม่แน่นอน หรือความไม่มั่นคงของระบบเศรษฐกิจ ที่มีความเชื่อมโยงกับมหาอำนาจทั้ง 2 ขั้ว หรือ 3 ขั้ว เพิ่มยุโรปด้วย ทรัพยากรหลายๆอย่าง ทั้งคน การเงิน การผลิต จะไม่อยู่ขั้วใดขั้วหนึ่ง ซึ่งทําให้หลุดออกจากความขัดแย้งทางการเมืองโลก ประเทศไทย โดยประวัติศาสตร์ของเรา หาจุดสมดุลตรงนี้ได้ดีมากๆ เช่น กรณีของ Data Center ในอาเซียน เดิมลงทุนที่สิงคโปร์ แต่สิงคโปร์ไม่มีพื้นที่แล้ว ย้ายมามาเลเซีย แต่มาเลเซียเชื่อมโยงกับสงครามศาสนาที่เกี่ยวข้องกับปาเลสไตน์-อิสราเอล

ในที่สุดการลงทุนของพวก Hyper scalers (ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านการเก็บและจัดการข้อมูลออนไลน์ขนาดใหญ่ระดับโลก) ในขั้นของ Data Center ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ก็ย้ายมาไทย เราได้ส้มหล่นแล้ว

ส้มหล่นที่ 2 The Industrial Estate หรือเรื่องการผลิต ตั้งแต่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จนถึงเซมิคอนดักเตอร์ เพราะสงครามการค้า ทำให้ทั้งบริษัทจีน และบริษัทต่างประเทศในจีน ต้องย้ายออกบางส่วน แล้วก็มาอาเซียน แต่มี 2 ประเทศให้เลือก ระหว่างไทยกับเวียดนาม แม้ว่าเวียดนามกำลังขับเคลื่อนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาก เขาเหนือกว่าเราระดับหนึ่ง แต่ผมก็ยังคิดว่า เรายังไม่ได้แพ้เขามาก แต่ถ้ามองทางการเมือง ไทยเป็นมิตรกับจีนมากกว่าเวียดนาม มากกว่าฟิลิปปินส์ ดังนั้น ไทยจึงเป็นประเทศที่ผู้ประกอบการใหญ่ๆของจีน
จะเลือก ส่วนผู้ประกอบการที่เหลือจะเลือกระหว่างไทย หรือเวียดนาม ซึ่งเราก็ได้ส้มหล่นอีก

ส่วนกรณีที่ไทยถูกสหรัฐฯเก็บภาษีตอบโต้สูงถึง 36% หนักเหมือนกัน แต่เราต้องพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยจะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพื่อสร้างเศรษฐกิจไทยได้อย่างไร อย่ามองว่าการนำเข้าจากสหรัฐฯ หมายถึงการเสียเงินให้สหรัฐฯ สมมติเราบอกว่า เราเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ในอาเซียน หรือเอเชีย เดิมเราซื้อแต่ของจากยุโรป หรือญี่ปุ่น วันนี้เราควรซื้อเทคโนโลยีจากสหรัฐฯไหม เพราะสหรัฐฯไม่ด้อยกว่าใครอยู่แล้ว

ถ้าเราศึกษาว่า ยุทธศาสตร์ประเทศคืออะไร แล้วเราต่อรองบนพื้นฐานที่เราสามารถซื้อเทคโนโลยีของเขาเข้ามาขับดันยุทธศาสตร์ของประเทศได้ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ ในเวลาเดียวกันก็สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯด้วย”

ถ้าเจรจากับสหรัฐฯแล้วต้องแลกกับการนำเข้าเนื้อหมู ภาพที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร

“เราไม่สามารถบอกได้ว่า เราจะไม่ปกป้องอุตสาหกรรมของเรา แต่ในเวลาเดียวกัน เราก็ต้องบอกว่า อุตสาหกรรมเราต้องแข่งขันได้ โดยปกติแล้ว การแข่งขันระหว่างประเทศใหญ่กับประเทศเล็ก คำว่า Anti-Dumping (การทุ่มตลาด) มันต้องเกิดขึ้น พูดง่ายๆ คือ คุณไม่สามารถขายของราคาต่ำกว่าต้นทุนของอุตสาหกรรมในประเทศเราได้ ไม่เช่นนั้น อุตสาหกรรมในประเทศพังหมด และถ้าพังหมด เราก็ไม่ต่างอะไรกับประเทศที่ไม่มีอุตสาหกรรมของตัวเอง”

ติดตามได้ที่รายการ Thairath Front Page ทางช่อง YouTube ช่อง Thairath TV Original เจาะลึกวิสัยทัศน์ผู้บริหารที่สร้างความเปลี่ยนแปลง ให้กับประเทศ ไทย ออกอากาศเวลา 14.30 น. วันพุธที่ 14 พ.ค. 68 และทุกวันพุธต้นเดือน.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ