ธนาคารกรุงเทพฯ ประกาศคงเป้าหมายปล่อยสินเชื่อปีนี้ 3-4% ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ และการเมืองไทย พร้อมย้ำภาพการเป็น ธนาคารระดับภูมิภาค (Regional Banking) ลำดับต้นๆ ของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ หลังธนาคารเพอร์มาตา ที่ประเทศอินโดนิเซีย ที่ธนาคารซื้อเข้าเมาพื่อเสริมความแข็งแกร่งในปี 63 เติบโตดีต่อเนื่อง และกลายเป็นกำลังสำคัญในการสร้างกำไรให้กับธนาคารกรุงเทพ
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยขณะนี้ ว่า มีความท้าทาย และความผันผวนที่ต้องติดตามมากขึ้น โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างประเทศใหญ่ๆ ของโลก ในประเด็น สหรัฐฯ รวมทั้ง ผลเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และรัฐบาลไทยว่า จะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อคำสั่งซื้อในระยะต่อไปให้สะดุดลงบ้าง อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความผันผวนก็มีโอกาส เห็นได้จากการส่งออกไตรมาส 1 และ 2 ยังเติบโตได้ดี จากการเร่งส่งออกในช่วงที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ยอมรับว่า ปัจจัยการเมืองก็มีความท้าทายเพิ่มขึ้น ซึ่งเราต้องติดตามใกล้ชิด แต่ที่ผ่านมา เราเคยเผชิญสถานการณ์ที่หนักกว่านี้มาแล้ว หรือ หากเทียบวิกฤติช่วงโควิด 19 กับขณะนี้ มีบางอย่างที่แย่กว่า มีบางอย่างที่อาจจะดีกว่า ในที่สุดเศรษฐกิจไทยก็ผ่านมาได้ และเมื่อสัญญาณต่าง ๆ ชัดขึ้น เชื่อมั่นว่า ไทยยังเป็นประเทศที่สงบและมีเสถียรภาพเพียงพอที่จะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้ดี ทำให้เศรษฐกิจไทยก็ยังเดินหน้าต่อไปได้
“แน่นอนว่ามีความท้าทายเกี่ยวกับความสามารถในการอุปโภคบริโภค แต่ถ้าแนวโน้มการลงทุนกลับมา โครงการลงทุนต่าง ๆ เดินหน้าต่อได้ โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ การอุปโภคบริโภคก็จะตามมาเป็นพื้นฐานให้เศรษฐกิจเราขยายตัว และภาคธุรกิจก็จะขยายตัวตามมาได้”
“ท่ามกลางปัจจัยท้าทายด้านเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนของการเมืองไทยในขณะนี้ ผมมองว่าภายใต้ความผันผวนก็มี “โอกาส” …ประเทศไทยเคยเผชิญ“วิกฤติที่หนักกว่านี้”มาแล้ว แต่เราก็ผ่านมาได้ ….และในสถานการณ์นี้ แบงก์กรุงเทพยังคงเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 3-4% และพยายามดูแลสนับสนุนลูกค้าของเราอย่างใกล้ชิด” นายชาติศิริ กล่าว
.พร้อมดูแลลูกค้าคงเป้าสินเชื่อ 3-4%
ภายใต้ความผันผวนความไม่แน่นอนที่สูงขึ้น นายชาติศิริ กล่าวว่า ธนาคารยังสามารถเติบโตได้ โดยคงเป้าหมายการขยายสินเชื่อที่ตั้งไว้ที่ระดับ 3-4% แม้สินเชื่อในภาพรวมของระบบธนาคารจะชะลอตัวลง แต่ยอมรับว่า การทำตามเป้าหมายไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากมองจากต้นปี ธนาคารทำได้ดีพอสมควร โดยการเติบโตของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ และการปล่อยสินเชื่อระหว่างประเทศ และสินเชื่อในต่างประเทศ จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในปีนี้
“ลูกค้าธุรกิจรายกลางและรายย่อยอาจะเติบโตในระดับที่ต่ำลงมาเล็กน้อย ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ลูกค้าบุคคลน่าจะเติบโต 2-3% ขณะที่การอ่อนแอของธุรกิจรายใหญ่บางรายก็เป็นไปตามวัฏจักร อาจมีบางธุรกิจเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น แต่ภายใต้ความเสี่ยงของลูกค้า และหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ยืนยันว่า ธนาคารยังคงรักษาแนวทางการพิจารณาสินเชื่อตามปกติ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างมีนัยสำคัญ และหน้าที่ธนาคาร คือ ต้องดูแล และสนับสนุนลูกค้าอย่างใกล้ชิดแต่ละภาคส่วน ควบคู่กับการพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ลูกค้าเผชิญอยู่”
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพจะมองหาโอกาสในการทำธุรกิจ โดยการใช้นวัตกรรมทางการเงิน การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่ม ขณะที่การเพิ่มขึ้นของหนี้่ด้อยคุณภาพ (เอ็นพีแอล) หรือ สัญญาณการผิดนัดชำระหนี้ของธุรกิจรายใหญ่อาจจะมีให้เห็นบ้างแต่ยังไม่ได้ต่างจากช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด
.ชู “เพอร์มาตา” อัญมณีแห่ง “บัวหลวง”
นายชาติศิริ กล่าวเพิ่มเติมระหว่างนำสื่อมวลชนติดตามผลประกอบการของธนาคาร เพอร์มาตา ที่ประเทศอินโดนีเซีย ว่า ธนาคารกรุงเทพให้ความสำคัญธุรกิจในต่างประเทศมายาวนาน และมุ่งมั่นยกระดับความเป็นผู้นำในฐานะธนาคารระดับภูมิภาคให้สูงขึ้น โดยขณะนี้เรามีสำนักงานหรือธุรกิจอยู่ใน 13 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก มีสาขาในนิวยอร์ก ลอนดอน และในยุโรป แต่ส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมองว่าในระยะ 10-20 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจอาเซียนจะขึ้นเป็นอันดับ 4 ของโลก
ในส่วนของธนาคารเพอร์มาตานั้น ในปี 63 ธนาคารกรุงเทพได้เข้าซื้อกิจการ ธนาคารพีที เพอร์มาตา ทีบีเค และได้ควบรวมธนาคารกรุงเทพ 3 สาขาในอินโดนิเซีย เข้ากับธนาคารเพอร์มาตา เสริมจุดแข็งของทั้งสองธนาคารเข้าด้วยกัน ทั้งจุดแข็งของธนาคารกรุงเทพที่เป็นธนาคารที่มีความสัมพันธ์ที่ดีและยาวนานกับลูกค้า และความสามารถในด้านนวัตกรรมทางการเงินดิจิทัลของเพอร์มาตา ทำให้ทำธุรกิจได้อย่างครบวงจร ส่งผลให้เพอร์มาตาขึ้นเป็นทอป 10 ของในอินโดนีเซีย มีสาขา 240 สาขา รองรับการให้บริการลูกค้ากว่า 6.2 ล้านราย
ปี 67 ธนาคารเพอร์มาตา ได้เปลี่ยนมาใช้ตราสัญลักษณ์บัวหลวง สะท้อนความเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้แนวคิด “One Family One Team” แต่ยังใช้ชื่อเพอร์มาตาอยู่ เพราะถือเป็นธนาคารเก่าแก่ของเกาะบาหลี และชื่อของเพอร์มาตามีความหมายถึง “อัญมณีที่ส่องสว่าง” โดย ณ สิ้นปี 67 ธนาคารเพอร์มาตามีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 38% เทียบกับปี 66 มีสัดส่วนสินเชื่อ 12% ของยอดคงค้างสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร และมีแนวโน้มในด้านธุรกิจที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
“การออกมาทำธุรกิจธนาคารในต่างประเทศ นอกเหนือจากการให้ความสะดวกนักธุรกิจไทยออกไปทำธุรกิจในต่างประเทศ เรายังสร้างโอกาสให้นักธุรกิจต่างประเทศเข้ามาทำธุรกิจมาลงทุนในไทยเช่น การชักชวนนักลงทุนชาวอินโดนีเซียให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทั้งอุตสาหกรรมการผลิต พลังงาน และอาหารสัตว์ โดยมองว่า ยังมีโอกาสในอินโดนิเซียอีกมาก เพราะคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอินโดนิเซียปีนี้จะโตได้ 4.8-5% และมีประชากรที่เป็นคนวัยทำงานอายุประมาณ 25-30 ปีจำนวนมาก รวมทั้ง ประชากรกำลังยกระดับเข้าสู่ชนชั้นกลางสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
.ดึงรายได้สาขาต่างประเทศเสริมกำไร
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าซื้อธนาคารเพอร์มาตา ในอินโดนีเซีย ได้เพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับธนาคารกรุงเทพ โดย ณ สิ้นปี 67 กำไรธนาคารกรุงเทพมาจากเพอร์มาตา 6,000-8,000 ล้านบาท และคาดว่ารายได้จะเติบโตสู่ 10,000 ล้านบาท ในอีกไม่นานนี้ ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะยงคงรักษาสัดส่วนรายได้จากธุรกิจต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 23-24% ของรายได้รวม
“ปีที่ผ่านมารายได้ของเพอร์มาเติบโตต่อเนื่องถึง 9% ขณะที่ไทยโตน้อยมาก กลยุทธ์นี้ทำให้ธนาคารไม่ตื่นเต้นเมื่อเศรษฐกิจไทยชะลอตัสว หรือโตไม่ได้ เพราะเราได้วางกลยุทธ์ธุรกิจในต่างประเทศ จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนธนาคารกรุงเทพให้เติบโตต่อเนื่อง"