การโรดโชว์ล่าสุดของสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ใน 3 เมืองสำคัญของจีน ระหว่างวันที่ 27 ก.ค.-2 ส.ค.2568 ได้เปิดเผยภาพจริงที่น่าหวังจากเสียงสะท้อนของผู้ประกอบการทัวร์จีนในเมืองฉงชิ่ง หลานโจว และหังโจว เผยให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทั้งในแง่ของความเชื่อมั่น พฤติกรรมนักท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวจีน ตลาดท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทยสูงสุดร่วม 11 ล้านคน ในปี 2562 จากตลาดแห่งความหวัง ในช่วงต้นปี 2568 วางเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 8-10 ล้านคน กลายเป็นตลาดที่เจอวิบากกรรม เห็นได้จากตัวเลขรายเดือนของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยต่ำสุด อันเนื่องมาจากสารพัดปัญหาในไทย ที่ทำให้ชาวจีนไม่เชื่อมั่นในเรื่องของความปลอดภัย
การโรดโชว์ล่าสุดของสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ใน 3 เมืองสำคัญของจีน ระหว่างวันที่ 27 ก.ค.-2 ส.ค.2568 ได้เปิดเผยภาพจริงที่น่าหวังจากเสียงสะท้อนของผู้ประกอบการทัวร์จีนในเมืองฉงชิ่ง หลานโจว และหังโจว เผยให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทั้งในแง่ของความเชื่อมั่น พฤติกรรมนักท่องเที่ยว และโอกาสการเติบโตในอนาคต ซึ่งจะเป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญสำหรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในภาพรวม
มาตรการกระตุ้นของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะการสนับสนุนเที่ยวบินเช่าเหมาลำและการสนับสนุนกลุ่ม MICE จะเป็นตัวเร่งสำคัญในการฟื้นตัวของตลาด คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนในไตรมาส 4 ของปี 2568 และต่อเนื่องไปยังปี 2569 ที่สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) มองว่าตลาดจีนมีโอกาสแตะระดับ 9 ล้านคนอีกครั้ง
“ทีมเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ได้ร่วมเดินทางไปกับการโรดโชว์ในครั้งนี้ ได้พบกับ “เสก นพไธสง” กงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู ที่มาร่วมในพิธีเปิดงาน “TAT x ATTA Roadshow to China : Chongqing” ณ นครฉงชิ่ง ให้ความเห็นว่า ฉงชิ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงและมีกลุ่มผู้บริโภคที่มีไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ส่วนมุมมองเรื่องความไม่ปลอดภัยของไทยในสายตานักท่องเที่ยวจีน
“คอลเซ็นเตอร์ที่ชาวจีนโดนแอดวานซ์กว่าที่คนไทยโดนเยอะ เพราะมีการลักพาตัวไปยังประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยใช้ไทยเป็นทางผ่าน เพื่อเรียกค่าไถ่จริงๆ ซึ่งทางทีมไทยแลนด์ได้สื่อสารถึงการปราบปรามทั้งในเมียนมาและกัมพูชา และการมาโรดโชว์นี้มีประโยชน์มากในเรื่องของการสร้างความมั่นใจในการเดินทาง”
ขณะที่ “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เริ่มเห็นสัญญาณดีของตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย ที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากรัฐบาลทำโครงการ “สวัสดี หนีห่าว” เมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเฉลี่ย 13,000-15,000 คนต่อวัน จากที่เคยลดลงต่ำสุดไปอยู่ในระดับ 5,600 คนต่อวัน คาดว่าตลอดปี 2568 จะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 5 ล้านคน
ด้าน “ภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่” รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า การโรดโชว์ในจีนครั้งนี้เพื่อทดสอบตลาดนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จีนว่าตอบรับกับที่รัฐบาลไทยมีโครงการให้งบประมาณ 350 ล้านบาท สนับสนุนเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) 350,000 บาทต่อเที่ยวบิน จำนวน 1,000 เที่ยวบิน และมาตรการสนับสนุน 150 ล้านบาท ให้นักท่องเที่ยวกลุ่มประชุมสัมมนาที่มีขนาด 30 คนขึ้นไปและพักเกิน 4 คืน จำนวน 1,000 บาทต่อคน จำนวน 150,000 คน เพื่อกระตุ้นการเดินทางแบบ Group Incentive ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการใช้จ่ายสูง
ททท.ยังคงมุ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองรองซึ่งส่วนใหญ่นิยมเดินทางเป็นกลุ่ม หรือกรุ๊ปทัวร์ เพื่อสื่อสารว่าประเทศไทยมีความปลอดภัยและพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว “นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเองหรือ FIT ยังเดินทางกันอยู่ ส่วนที่มีผลกระทบมากคือกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ เราจึงคาดหวังว่ามาตรการดังกล่าวนี้จะสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดการเดินทางเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากพื้นที่เมืองรองระดับ 2 และระดับ 3 และตอบโจทย์ในเชิงจำนวน”
ทางด้าน “ธนพล ชีวรัตนพร” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของการจัดโรดโชว์ครั้งนี้ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับเอเย่นต์ทัวร์จีนรายใหญ่ ทำให้มีความหวังว่าในปี 2569 จะเห็นนักท่องเที่ยวจีนมาไทยแตะ 9 ล้านคน เทียบจากที่เคยมาไทยสูงสุดปี 2562 ที่ 10.9 ล้านคน จากปัจจัยสนับสนุน 3 ประเด็น คือ 1.การมาโรด์โชว์ของแอตต้าร่วมกับ ททท.ใน 3 เมืองในจีน สนใจที่จะจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำเข้าไทย ในส่วนนี้จะมาจากจีน 70% คิดเป็นนักท่องเที่ยวจีน 150,000 คน
2.รัฐบาลให้งบสนับสนุนกลุ่มที่เดินทางแบบ Group Incentive ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการใช้จ่ายสูง ในส่วนนี้จะเป็นตลาดจีน 50% หรือประมาณ 75,000 คน
3.บริษัท แอมเวย์จากประเทศจีนได้คัดเลือกกรุงเทพฯ ประเทศไทย เป็นสถานที่จัดประชุม Amway 2026 มีผู้เข้าร่วมประชุม 13,000 คน ระหว่างวันที่ 5 มี.ค.-6 เม.ย.2569 จะเป็นปัจจัยบวกที่ตอกย้ำเรื่องความปลอดภัยและความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยวของประเทศไทยออกไปสู่ทั่วโลกได้อย่างดี
การโรดโชว์ครั้งนี้เริ่มต้นที่เมืองฉงชิ่ง “ทีมเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ได้สัมภาษณ์ความเห็นของบริษัททัวร์จากเมืองนี้ถึงมุมมองต่อประเทศไทย เริ่มจาก “จาง ซือเถา” บริษัท วั่นห่าว ทราเวล จำกัด กล่าวว่า หลังได้ไปร่วมโครงการ “สวัสดี หนีห่าว” เมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา รู้สึกเบาใจมากขึ้นถึงความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยในการไปประเทศไทย ส่วนไวรัลเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยก่อนหน้านี้ในช่วง 2 ปีก่อนแรงมาก ตอนนี้เบาลงไปเยอะ
“ทางบริษัททำตลาดในกรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนที่ไปภูเก็ตมีจำนวนมากขึ้น เพราะมีเที่ยวบินตรงจากฉงชิ่ง-ภูเก็ต สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน ทำให้ภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม เพราะเมืองฉงชิ่งไม่มีทะเล”
ขณะที่ “หวัง เฉียง” บริษัท เรียล ทัวร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทราเวล เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า บริษัททำเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปเกาะสมุย และไปลง จ.ตรัง นำนักท่องเที่ยวไปเกาะหลีเป๊ะ ถือเป็นตลาด Blue Ocean เน้นการสร้างตลาดใหม่ ประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน ส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนไปไทยที่ลดลง อยากให้เข้าใจว่าทุกตลาดลดลงหมด ยังไงคนจีนก็ชอบไทยมากที่สุด ปีนี้นักท่องเที่ยวจีนไปไทยไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน ส่วนที่นักท่องเที่ยวจีนไปเวียดนามเพราะมีมาตรการส่งเสริมเยอะ ให้เงินสนับสนุนเที่ยวบินเช่าเหมาลำมากกว่าที่ไทยเพิ่งมีมาตรการออกมา และในช่วงนั้นไทยก็มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปี เมืองฉงชิ่งจะหนาวมากคนนิยมเดินทาง จึงเป็นโอกาสทำเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปไทย หากมีจำนวนนักท่องเที่ยวสนใจมาก ผู้ประกอบการทัวร์ของจีนก็จะลงทุนมากขึ้น
ด้าน “เป่ย หลี่” บริษัท ฉงชิ่ง เฉียนโหย่ว อินเตอร์เนชั่นแนล ทราเวล เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัททัวร์รายใหญ่ในเมืองฉงชิ่ง ให้ความเห็นว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไปจากเดิม เดี๋ยวนี้มักจะเดินทางท่องเที่ยวตามอินฟลูเอนเซอร์ ไปตามหาจุดเช็กอินต่างๆค้นหาข้อมูลจากระบบออนไลน์ด้วยตัวเอง ทำให้บริษัททัวร์ต้องวางแผนการตลาดใหม่จากการทำตลาดแมส เป็นแบบ Tailor made คือ การออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวให้ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม และปรับไปใช้ช่องทางประชาสัมพันธ์ทางออนไลน์มากขึ้น
“ประเทศไทยยังเป็นอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวชาวจีน ส่วนเวียดนามเป็นตลาดชดเชยในช่วงที่ประเทศไทยมีปัญหา ไม่ใช่ตลาดที่ถาวร ลูกค้าจีนไปไทยในตอนนี้เหลืออยู่ 20-30% ถ้าเทียบกับก่อนเกิดโควิด ขออย่ามีปัญหาอีกเชื่อว่าจะดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ตอนต้นปีพอมีข่าวนักแสดงจีน ซิงซิง ถูกลักพาตัว ลูกค้ายกเลิกการเดินทางทั้งหมด ตอนนี้มาเจอปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชาอีก แต่คิดว่าจากนี้ไปจะดีขึ้นเรื่อยๆ”
สำหรับผู้ประกอบการทัวร์จากเมืองหลานโจว ซึ่งเป็นเมืองที่ 2 ของการโรดโชว์ “เจิ้ง เหว่ย์” บริษัท กานซู่ จุนเหอ เหวินหลี่ กล่าวให้ความหวังว่า หากไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงหลังจากนี้ตลาดจีนเที่ยวไทยจะปรับตัวดีขึ้น และจะกลับมาได้ 70-80% ของปีก่อนโควิดได้ในช่วงปลายปี 2569 และจะไต่ขึ้นเรื่อยๆ สิ่งสำคัญต้องให้นักท่องเที่ยวจีนมั่นใจเรื่องความปลอดภัย
“ผมยืนยันว่าไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน แต่เรื่องความไม่ปลอดภัยมาทำให้ตลาดต้องชะลอตัว ทำให้บริษัททัวร์หันไปทำตลาดเวียดนามทดแทน เนื่องจากราคาถูกกว่าไทย แต่เวียดนามไม่ใช่คู่แข่งของไทย เพราะสินค้าและบริการยังมีมาตรฐานที่ต่ำกว่า เมื่อความกังวลเรื่องความปลอดภัยของไทยเริ่มดีขึ้น นักท่องเที่ยวจีนไปไทยแน่นอน ส่วนมาตรการสนับสนุนชาร์เตอร์ไฟลท์และกลุ่มอินเซนทีฟของรัฐบาลถือเป็นปัจจัยบวกที่ดีมาก และจะเห็นผลชัดเจนในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้”
ส่วนการโรดโชว์เมืองสุดท้ายคือ หังโจว ที่เป็นเมืองขนาดใหญ่ “หลี่ เหวินเซียน” บริษัท เป่าหลี่ ทราเวล จำกัด ผู้ให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำรายใหญ่ ของเมืองหังโจว กล่าวว่า ได้ไปร่วมในงานสวัสดี หนีห่าว ที่ประเทศไทย เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ทราบว่ารัฐบาลไทยจะมีมาตรการสนับสนุนเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ก็รอมาจนถึงวันนี้ เพราะทางบริษัททำทัวร์แบบเช่าเหมาลำจากภาคตะวันออกของจีนและนับเป็นรายใหญ่ที่สุดที่นำเครื่องบินเช่าเหมาลำไปประเทศไทย ช่วงที่ผ่านมาเรียกว่าขาดทุนเพราะนักท่องเที่ยวน้อยแต่ยังไม่ยกเลิก เพราะยังมองไทยเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวจีน คาดว่าช่วงไตรมาส 4 น่าจะดีมาก
สำหรับการนำเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปเวียดนาม ก็เป็นโอกาสของบริษัทในช่วงที่นักท่องเที่ยวจีนไม่ไปไทย ไม่ได้มองว่าชาวจีนไปเวียดนามแล้วจะไม่มาไทยเพราะแตกต่างกันสิ้นเชิง ถ้าวันนี้ไทยไม่มีปัญหา ก็เป็นเบอร์ 1 ในใจนักท่องเที่ยวจีนตลอด ส่วนเรื่องความปลอดภัยในไทย นักท่องเที่ยวจากเมืองหังโจว ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ไม่รู้สึกกังวล
การโรดโชว์ครั้งนี้ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ในใจชาวจีน อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการฟื้นตัวนี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการ จีนเตือนไว้อย่างชัดเจน นั่นคือ “ห้ามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นอีก”
เพราะความไว้วางใจที่สะสมมาใช้อาจสูญหายได้ในชั่วข้ามคืน เช่นล่าสุดที่มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียถูกทำร้าย โดนราดทินเนอร์และเผา กรณีเช่นนี้กระทบกับการท่องเที่ยวของไทยอย่างรุนแรง.
ทีมเศรษฐกิจ
คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปเศรษฐกิจ” เพิ่มเติม