สินเชื่อไตรมาส 2 หดตัว 0.9% คาดไตรมาส 3 หดต่อ จากความเสี่ยงเครดิตที่ยังสูงขึ้น จับตาความสามารถการชำระหนี้ ทั้งภาคธุรกิจ และครัวเรือนมีโอกาสแย่ ธปท.สุดห่วง SMEs เหตุหาเงินกู้ได้ยาก เล็งหามาตรการช่วยเปลี่ยนผ่านธุรกิจ
น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการดำเนินการของระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมเครือ) ไตรมาส 2 ปี 68 ว่า สินเชื่อรวมยังหดตัวต่อเนื่อง โดยติดลบ 0.9% จากระยะเดียวกันปี 67 การระดมทุนผ่านตราสารหนี้ติดลบ 3.5% คาดว่า ไตรมาส 3 สินเชื่อรวมจะยังติดลบต่อเนื่อง เพราะการระมัดระวังปล่อยสินเชื่อ การเร่งคืนหนี้ของลูกหนี้ และความต้องการกู้ยืมที่ลดลง
ทั้งนี้ ไตรมาส 2 สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 2.7% แต่สินเชื่อ SMEs หดตัว 6.2% และสินเชื่ออุปโภคบริโภคหดตัว 2.2% ตามความเสี่ยงเครดิตที่ยังสูง ขณะที่ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL หรือ stage 3) เพิ่มขึ้นมาที่ 554,900 ล้านบาท ทำให้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมทรงตัว 2.91% สำหรับสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (SICR หรือ Stage 2) ลดลงเกือบทุกพอร์ต เพราะเร่งปรับโครงสร้างหนี้ ส่งผลให้สัดส่วน stage 2 โดยรวมลดลงอยู่ที่ 6.88% ยกเว้นสินเชื่อ stage 2 ของธุรกิจขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้นจาก 3.98% มาอยู่ที่ 4.09% แต่ยังไม่เห็นการผิดนัดชำระหนี้
สำหรับหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกปี 68 ลดลงมาอยู่ที่ 87.4% และมีแนวโน้มลดลงอีกในไตรมาส 2 ทั้งนี้ ต้องติดตามคุณภาพสินเชื่อในระยะต่อไป เพราะเศรษฐกิจยังไม่แน่นอนสูง และความสามารถทำกำไรของหนี้สินภาคธุรกิจโดยรวมลดลง ซึ่งต้องติดตามความสามารถชำระหนี้ของภาคธุรกิจและครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง รวมถึงธุรกิจและครัวเรือนที่อาจได้รับแรงกดดันจากภาษีสหรัฐฯ
“ธปท.ห่วงที่สุดคือ สินเชื่อธุรกิจ SMEs จากทั้งสินเชื่อที่หดตัวลง กู้หนี้ได้ยาก และหนี้เสียสูงขึ้น อีกทั้งยังได้รับผลกระทบมากที่สุดจากภาษีสหรัฐฯ ทำให้ภาครัฐ ธปท. และภาคเอกชน กำลังหารือกันว่า จะมีการออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อให้ธุรกิจ SMEs สามารถเปลี่ยนผ่านธุรกิจในช่วงนี้ได้ ซึ่งในขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการคุยกันอยู่ และจะแจ้งเพิ่มเติมเมื่อพร้อม”