ไทยแลนด์โฟกัสคึกคักย้ำเชื่อมั่น ต่างชาติไม่กังวลคดีนายกฯอิ๊งค์

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ไทยแลนด์โฟกัสคึกคักย้ำเชื่อมั่น ต่างชาติไม่กังวลคดีนายกฯอิ๊งค์

Date Time: 28 ส.ค. 2568 06:30 น.

Summary

ไทยแลนด์โฟกัส คึกคัก กองทุนต่างชาติ 75 กองทุนจากทั่วโลก และบจ.ไทยกว่า 75 บริษัท แห่เข้าร่วม ตอกย้ำความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย แม้การเมืองผันผวน นักลงทุนต่างชาติยังมองไทยเป็นเป้าหมายลงทุน ด้าน ก.ล.ต.ร่วมพันธมิตรออกมาตรการ "เพิ่มเสน่ห์ตลาดทุนไทย" 15 ก.ย.นี้ -เร่งรัดขาย IPO เร็วขึ้น หนุนเชื่อมั่น-เพิ่มสภาพคล่อง

Latest

ตำนาน 70 ปี "นันยาง"รองเท้าคู่ใจ ส่งรุ่นลิมิเต็ด“พิทักษ์ 68”เคียงข้างทหารไทย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (27 ส.ค. 68) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้จัดงาน Thailand Focus 2025: Beyond the Challenge โดยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ “Policy & Markets: Building Confidence in Thailand’s Investment Climate” ว่า เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้คาดว่าจะเติบโต 2.2% และขณะนี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มให้ความมั่นใจและทยอยลงทุนในประเทศไทยแล้ว ขณะเดียวกันรัฐบาลเตรียมมาตรการกระตุ้นการบริโภคในช่วงปลายปีนี้ด้วย


นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวในงาน Thailand Focus 2025 ว่า ปีนี้มีผู้ลงทุนทั่วโลกร่วมงาน 180 ราย จาก 75 สถาบันทั่วโลก ส่วนใหญ่มาจาก สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง สหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศใหม่ ๆ จากตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ นอกจากนี้ยังมีผู้บริหารระดับสูงจาก บริษัทจดทะเบียน 75 บริษัท ครอบคลุม 8 อุตสาหกรรมในตลาดหุ้น ร่วมนำเสนอข้อมูลศักยภาพธุรกิจและทิศทางการเติบโตด้วย

สำหรับเวทีไทยแลนด์โฟกัส ช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นยกระดับตลาดทุน โดยผู้ลงทุนสถาบันที่เข้าร่วมงานปีนี้ให้ความสนใจต่อความก้าวหน้าด้านมหภาค เช่น การลงทุนและการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การบริหารจัดการหนี้ภาคครัวเรือนและความแข็งแกร่งของภาคการเงิน และการปรับตัวของภาคธุรกิจ เป็นต้น

“การที่จะมีเงินทุนไหลเข้ามาจากต่างประเทศได้ ต้องมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ที่จะดึงดูดเงินทุนให้ไหลเข้า โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ มีโครงการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทจดทะเบียน ภายใต้โครงการ JUMP+ และกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนสื่อสารกับนักลงทุนมากขึ้น”

นายอัสสเดช กล่าวว่า ส่วนในวันที่ 29 ส.ค. 68 นี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีคลิปเสียงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนั้น นักลงทุนต่างชาติไม่กังวล เพราะต่างชาติเข้าใจปัญหาการเมืองไทย เพราะการเมืองไทยช่วงที่ผ่านมาไม่ว่าจะเปลี่ยนในรูปแบบไหน ภาคธุรกิจก็ไม่ชะงักงัน แม้การลงทุนภาครัฐจะล่าช้า แต่ภาคเอกชนยังเติบโตและเดินหน้าต่อได้แต่ที่สำคัญต่างชาติต้องการความต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาลที่ประกาศออกมามากกว่า

“คาดหวังว่าครึ่งปีหลัง ตลาดหุ้นไทยจะกลับมาสดใส มีปัจจัยบวก เพื่อให้เกิดความมั่นใจเข้ามาลงทุนในไทย และมีฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามามากขึ้น จากช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา มีต่างชาติกลับมาลงทุนในหุ้นไทยแล้วมูลค่า 15,000-16,000 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เข้าไปเจรจากับนักลงทุนต่างชาติ ถึงความต้องการ ซึ่งคำตอบที่ได้คือ แม้ตลาดหุ้นอื่นปรับขึ้นไปไกลและตลาดไทยยังตามหลัง แต่ก็ยังมีความน่าสนใจอยู่

ด้าน นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าวว่า ในวันที่ 15 ก.ย. 68 ก.ล.ต., ตลาดหลักทรัพย์ฯ, สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และกระทรวงการคลัง จะร่วมกันประกาศมาตรการ “เพิ่มเสน่ห์ตลาดทุนไทย” เพื่อสนับสนุนให้บริษัทคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เพื่อเพิ่มความหลากหลายและสภาพคล่องให้กับนักลงทุน ขณะเดียวกันจะปรับปรุงกระบวนการอนุมัติการเสนอขายหุ้น IPO ให้รวดเร็วและยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อดึงดูดบริษัทคุณภาพจากทั้งในและต่างประเทศเข้ามาในตลาดหุ้นไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณหุ้นใหม่และสร้างความคึกคักให้ตลาดทุนไทย

นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวในวงเสวนา "หนี้ครัวเรือนไทย: ความเปราะบางที่ต้องจับตา" ในงานเดียวกัน ว่ากลุ่มที่มีหนี้ครัวเรือนสูงสุด คือ กลุ่มคนที่เริ่มทำงาน และกลุ่มวัยเกษียณ โดยผู้ที่มีหนี้สินส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เป็นหนี้จากการบริโภค ไม่ใช่หนี้จากการทำธุรกิจ โดยจากการทำวิจัย พบว่าประชากร 38% ของประเทศมีหนี้ครัวเรือน แต่เป็นข้อมูลเฉพาะหนี้ในระบบเท่านั้น โดยคนไทยเป็นหนี้เฉลี่ย 500,000 บาทต่อคน แต่หากรวมหนี้นอกระบบจะสูงขึ้นกว่านี้อีกมาก


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ