คลังอยู่ระหว่างการพิจารณาภาษีแวต (VAT)ระหว่างคงอัตราภาษีไว้ 7% หรือปรับขึ้นไป 10% ส่วนการปฏิรูปภาษี ผ่าน Negative Income Tax (NIT) จะเริ่มใช้ปี 2570 โดยประชาชนทุกคนจะต้องยื่นแบบแสดงรายได้
นายพิชัย ชุณหวชิร รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรมว.คลัง กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนาประจำปีของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ภายใต้หัวข้อ “Fiscal Transformation : พลิกโฉมการคลังไทยสู่ความยั่งยืน” ว่า การเดินหน้าสู่การคลังเพื่อความยั่งยืนของประเทศนั้น จะต้องเร่งสร้างความสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย เพราะถือว่าเป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่ความยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันรายได้รัฐไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ทำให้ต้องตั้งงบประมาณแบบขาดดุลปีละ 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศ ดังนั้นจึงต้องทยอยลดการขาดดุล โดยใน 1 - 2 ปีงบประมาณ รัฐบาลจะพยายามทำให้การขาดดุลลดลงไม่เกิน 3% ของจีดีพี และต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อมุ่งสู่งบประมาณสมดุลให้ได้
อย่างไรก็ตามการลดการขาดดุลไม่ควรมุ่งไปที่การลดรายจ่ายเพียงอย่างเดียว เพราะหากรัดเข็มขัดมากเกินไป อาจกระทบต่อแผนลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ขณะเดียวกันต้องเพิ่มประสิทธิภาพด้านรายได้ของรัฐ ไม่เพียงพึ่งพาภาษีเท่านั้น แต่รวมถึงการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินของภาครัฐ เช่น ที่ดิน อาคาร หรือโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ เพื่อให้เป็นแหล่งรายได้ระยะยาว ซึ่งเป็นแนวทางที่หลายประเทศใช้ในการเพิ่มรายได้โดยไม่กระทบประชาชนโดยตรง
“ปัจจุบันกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวต (VAT) ว่าจะดำเนินการอย่างไร ระหว่างคงอัตราภาษีไว้ 7% หรือปรับขึ้นไป 10% ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะต้องพิจารณาให้มีความชัดเจนภายในเดือน ก.ย. 2568 ทั้งนี้เมื่อเทียบอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของไทยแล้ว ยังต่ำกว่าหลายประเทศ หากรัฐบาลตัดสินใจปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็คงจะไม่นำรายได้ที่เพิ่มขึ้นไปลดภาระหนี้สาธารณะอย่างเดียว แต่จะนำไปใช้การลงทุน ที่จะเกิดผลดีต่อภาคเอกชน และการจ้างงานของประชาชนรายย่อย”
สำหรับความคืบหน้าการขับเคลื่อนนโยบายการปฏิรูปภาษี ผ่าน Negative Income Tax (NIT) นั้น รัฐบาลมีแผนจะเริ่มใช้อย่างเต็มรูปแบบในปี 2570 โดยประชาชนทุกคนจะต้องยื่นแบบแสดงรายได้ เพื่อให้ภาครัฐสามารถระบุและช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยได้อย่างตรงจุด นับเป็นการรวมระบบสวัสดิการให้เป็นระบบเดียวที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามถือเป็นเรื่องท้าทายมาก หากนำมาใช้ เพราะประชาชนบางคนยังไม่คุ้นชินกับการยื่นแบบภาษี