พาณิชย์เปิดแผนดันส่งออกข้าวปลายปี รักษาตลาดเดิม-ขยายตลาดใหม่สู่เป้า 7.5 ล้านตัน

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

พาณิชย์เปิดแผนดันส่งออกข้าวปลายปี รักษาตลาดเดิม-ขยายตลาดใหม่สู่เป้า 7.5 ล้านตัน

Date Time: 2 ก.ย. 2568 06:00 น.

Summary

กรมการค้าต่างประเทศ เดินหน้าผลักดันส่งออกข้าวช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ หลังสารพัดปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าหนัก โหมจัดกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ผู้นำเข้า เจรจาขยายตลาดหวังรักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ ดันส่งออกสู่เป้าหมาย 7.5 ล้านตัน

Latest

ตำนาน 70 ปี "นันยาง"รองเท้าคู่ใจ ส่งรุ่นลิมิเต็ด“พิทักษ์ 68”เคียงข้างทหารไทย 

 นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแผนการผลักดันการส่งออกข้าวไทยในช่วงที่เหลือของปี 68 ว่า ปีนี้ มีปัจจัยเสี่ยงมากมาย ที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทย โดยเฉพาะจากปัจจัยภายนอก ที่ไทยไม่สามารถควบคุมได้ แต่กรมยังคงเป้าหมายการส่งออกไว้ตามเดิมที่ 7.5 ล้านตัน เนื่องจากจะเร่งเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมและผลักดันการส่งออกในช่วง 5 เดือนที่เหลือ (ส.ค.-ธ.ค.) ของปีนี้ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาตลาดเดิม และขยายตลาดใหม่ให้ได้

“ยอมรับว่า ปีนี้ การส่งออกข้าวไม่ง่ายเลย เพราะมีปัจจัยเสี่ยงมากมาย ที่ไทยไม่สามารถควบคุมได้ แต่ช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ กรมได้จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อผลักดันการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมาย 7.5 ล้านตัน ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ เก็บภาษีตอบโต้ไทย 19% ราคาข้าวไทยยังสามารถแข่งขันได้ในตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะกับคู่แข่งสำคัญ อย่างเวียดนาม ที่ถูกเก็บภาษี 20% โดยช่วง 7 เดือนปีนี้ ไทยส่งออกข้าวไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 4.26% ปริมาณ 490,000 ตัน คาดว่า ทั้งปีนี้ น่าจะได้ใกล้เคียงปีก่อนที่ราวๆ 800,000 ตัน โดยส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิไทย 600,000 ตัน”

7 เดือนแรกส่งออกข้าว 4.3 ล้านตัน
สำหรับการส่งออกข้าวช่วง 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ปี 68 มีปริมาณ 4.30 ล้านตัน มูลค่า 86,413 ล้านบาท หรือ 2,592 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยปริมาณ และมูลค่า ลดลง 25.09% และ 35.35% ตามลำดับ จากช่วงเดียวกันของปี 67 ที่ส่งออกได้ที่ 5.74 ล้านตัน มูลค่า 133,663 ล้านบาท หรือ 3,739 ล้านเหรียญฯ สำหรับข้าวที่ส่งออกมากที่สุด คือ ข้าวขาว 2.04 ล้านตัน ลดลง 44.72% ตามด้วย ข้าวหอมมะลิไทย 1.01 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 8.60%, ข้าวนึ่ง 690,000 ตัน เพิ่มขึ้น 21.05%, ข้าวหอมไทย 310,000 ตัน ลดลง 16.22%, ข้าวเหนียว 190,000 ตัน เพิ่มขึ้น 11.76% และข้าวกล้อง 60,000 ตัน เพิ่ม 500%

“แม้ปริมาณส่งออกลดลง แต่ไทยยังส่งออกข้าวไปตะวันออกกลางและยุโรปได้เพิ่มขึ้น ตลาดส่งออกสำคัญยังคงเป็นอิรัก โดยไทยส่งออกข้าวไปอิรักมากเป็นอันดับ 1 ที่ 630,000 ตัน คิดเป็น 14.65% ของปริมาณส่งออกข้าวไทยทั้งหมด เท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมา คือ สหรัฐ 490,000 ตัน เพิ่มขึ้น 4.26%, แอฟริกาใต้ 410,000 ตัน เพิ่มขึ้น 2.50%, จีน 410,000 ตัน เพิ่มขึ้น 127.78% และเซเนกัล 190,000 ตัน ลดลง 13.64%”

นางอารดา กล่าวต่อถึงสาเหตุที่การส่งออกลดลงว่า มาจากผลผลิตข้าวโลกเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากถึง 17 ล้านตัน มาอยู่ที่ 541 ล้านตัน ขณะที่ อินเดีย ผู้ผลิตและส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก กลับมาส่งออกตามปกติ และมีผลผลิตกว่า 150 ล้านตัน อีกทั้งยังมีสต๊อกในประเทศมากถึง 56 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15% ส่งผลให้สามารถแข่งขันด้านราคาในตลาดโลกได้เป็นอย่างดี และยังเตรียมระบายสต๊อกข้าวกว่า 20 ล้านตันในเร็วๆ นี้ ซึ่งมีผลทำให้ราคาข้าวไทย และปากีสถานลดลงอย่างมาก เพราะส่งออกข้าวชนิดเดียวกัน

ประกอบกับ ผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของโลก อย่างอินโดนีเซีย ชะลอนำเข้า เนื่องจากปีก่อน ได้นำเข้าจำนวนมาก และรัฐบาลฟิลิปปินส์ ประกาศระงับการนำเข้าชั่วคราว 2 เดือนจนถึงวันที่ 30 ต.ค.68 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาข้าวเปลือกตกต่ำในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวในประเทศ ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อราคาข้าวในตลาดโลก อีกทั้งข้าวไทยยังมีความหลากหลายของพันธุ์ข้าวที่ตรงกับความต้องการของตลาดน้อยกว่าคู่แข่งอย่างเวียดนาม ที่มีข้าวขาวพื้นนุ่ม ส่งออกในราคาที่แข่งขันได้ และค่าเงินบาทแข็งค่ามาก ทำให้รายได้จากการส่งออกลดลง

เปิดแผนดันส่งออกข้าวช่วงปลายปี
อย่างไรก็ตาม เพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยให้ได้ตามเป้าหมายที่ 7.5 ล้านตันในปีนี้ กรมการค้าต่างประเทศ ได้เตรียมแผนส่งเสริมการตลาดในช่วงปลายปี เพื่อกระตุ้นคำสั่งซื้อรองรับผลผลิตข้าวในประเทศ และยกระดับรายได้ของเกษตรกรไว้แล้ว ตามข้อสั่งการของนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ โดยนางอารดา กล่าวว่า แผนส่งเสริมการตลาดดังกล่าว ได้แก่ 1.การเจรจาขยายตลาดและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า โดยจะเร่งเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับรัฐบาลจีนในส่วนที่เหลืออีก 280,000 ตัน จากสัญญาทั้งหมด 1 ล้านตัน ซึ่งในเร็วๆ นี้ ตนเตรียมเดินทางไปจีนเพื่อเจรจากับคอฟโก รัฐวิสาหกิจของจีนที่นำเข้าข้าวไว้แล้ว อีกทั้งจะหารือกับเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ให้ช่วยผลักดันเรื่องนี้ด้วย รวมทั้งจะเดินหน้าขยายตลาดข้าวขาว และข้าวนึ่งไปยังตลาดที่มีความต้องการและมีศักยภาพ เช่น ซาอุดีอาระเบีย อิรัก

นอกจากนี้ จะจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปญี่ปุ่น เพื่อเจรจาขยายตลาดและรักษาปริมาณการส่งออกข้าวไปญี่ปุ่นที่ปีละประมาณ 300,000 ไว้ให้ได้ และต้อนรับคณะผู้นำเข้าข้าวไทยจากฮ่องกง ที่จะเดินทางเยือนไทยในช่วงเดือนพ.ย.นี้ เพื่อให้คงนำเข้าข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง 2.การส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสและขยายช่องทางตลาดของข้าวไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศให้เพิ่มขึ้น ได้แก่ งาน Fine Food Australia ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย วันที่ 8-11 ก.ย.68, งาน China-ASEAN EXPO ณ เมืองหนานหนิง ประเทศจีน วันที่ 17-21 ก.ย.68, งาน ANUGA ณ เมืองโคโลญจน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี วันที่ 4-8 ต.ค.68, งาน Foodex Saudi ณ ซาอุดีอาระเบีย วันที่ 3-6 พ.ย.68, งาน China International Import Expo ณ นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน วันที่ 5-10 พ.ย.68

3.การจัดงานประชุมข้าวนานาชาติ Thailand Rice Convention สัญจรในลักษณะการจัดสัมมนา ให้ความรู้เกษตรกร วันที่ 28-30 ส.ค.68 เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอุตสาหกรรมข้าว ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการตลาด เพื่อให้ปรับตัวให้ทันภาวะการแข่งขันในตลาดโลก และพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถส่งออกและขยายตลาดข้าวได้เพิ่มขึ้น คงสถานะความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมข้าวและครัวอาหารของโลก

“จากแผนผลักดันการส่งออกทั้งหมดนี้ น่าจะทำให้การส่งออกข้าวไทยทั้งปี 68 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 7.5 ล้านตันได้ ส่วนการส่งออกมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ของไทยในปีนี้ ก็คาดว่า จะได้ตามเป้าหมายที่ 7.5 ล้านตันเช่นกัน เพราะกรมได้เร่งหาตลาดส่งออกใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ ส่งออกได้แล้วถึง 5.62 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 35.75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 67 ที่ส่งออกได้เพียง 4.14 ล้านตัน”


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ