ธปท.ระบุ ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเอกชนไทยยังอยู่ระดับต่ำกว่า “ความเชื่อมั่น” แม้ดัชนีจะกระเตื้องขึ้นในเดือน ส.ค. ชี้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เป็นความกังวลอันดับ 1 ของภาคธุรกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) รายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนส.ค.68 ว่า อยู่ที่ระดับ 47.5 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค.68 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 45.8 โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในทุกองค์ประกอบ อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าเป็นระดับที่ต่ำกว่าความเชื่อมั่น โดยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมปัจจัยทางการเมืองที่ไม่แน่นอนไปด้วย ยังเป็นอุปสรรคอันดับแรกที่ธุรกิจกังวล ขณะที่ความกังวล อันดับ 2 มาจาก ความต้องการซื้อในประเทศที่ยังอยู่ในระดับต่ำ สอดคล้องกับความกังวลอันดับ 3 ที่มาจากการขึ้นราคาสินค้าทำได้ยาก ในสถานการณ์ปัจจุบัน อันดับที่ 4 คือ ความกังวลการแข่งขันในประเทศที่รุนแรง โดยเฉพาะการแข่งขันจากสินค้าราคาต่ำจากต่างประเทศ ขณะที่ความกังวลอันดับ 5 มาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่มผลิตชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์มีความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการและการผลิตปรับดีขึ้นต่อเนื่อง กลุ่มโรงแรม และร้านอาหาร ปรับตัวดีขึ้นหลังอานิสงส์จากการเดินทางท่องเที่ยวช่วงวันหยุดฤดูร้อนของนักท่องเที่ยวยุโรป แม้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติบางกลุ่ม ยังมีความกังวลด้านความปลอดภัย และกังวลต่อผลจากความขัดแย้งไทย-กัมพูชา สวนทางกับกลุ่มผลิตยานยนต์ที่ความเชื่อมั่นปรับลดลงมาก โดยเฉพาะคำสั่งซื้อและการผลิต ตามสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายที่ยังไม่ชัดเจนโดยเฉพาะรถกระบะ ขณะที่การสำรวจดัชนีความเช่ือมั่นทางธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีฯ ปรับดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 51.1 ซึ่งถือเป็นระดับความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตาม ดัชนีดังกล่าว สำรวจก่อนการตัดสินคดีของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งตัดสินให้ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีคดีคลิปเสียงฮุนเซน ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นวาระทั้งคณะ
สำหรับความเสี่ยงของเศรษฐกิจในระยะต่อไป ธปท.มองว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอลงจากการส่งออกสินค้าจากผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐฯ โดยเริ่มเห็นแนวโน้มการหดตัวของการส่งออกตั้งแต่เดือน ส.ค.นี้ ขณะที่ภาคท่องเที่ยวมีี่การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ด้านการบริโภค ขยายตัวชะลอลงตามแนวโน้มรายได้และความเชื่อมั่นผู้บริโภค ขณะที่ประเด็นการเมืองกระทบความมั่นใจของภาคเอกชนในระยะสั้น แต่ต้องติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด