เงินบาทแข็งค่าแตะ 31.65 บาท ทำ “วรภัค” ว่าที่รมช.คลังเครื่องร้อน โพสต์เฟซบุ๊ก ห่วงเงินบาทแข็งสวนทางเงินเวียดนามที่อ่อนค่าในรอบปี กรีดธปท.ต้องแสดงฝีมือ ไม่เช่นนั้นส่งออก-ท่องเที่ยวเหนื่อย
นายวรภัค ธันยาวงศ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ว่าที่ รมช.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2568 แสดงความเห็นเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น อย่างน่าเป็นห่วง ในขณะที่เงินด่องของเวียดนามสวนทาง คือค่าเงินอ่อนลงในรอบปีที่ผ่านมา
นายวรภัค โพสต์อีกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องแสดงฝีมือ ไม่เช่นนั้นทั้งส่งออกและท่องเที่ยวของไทยเหนื่อย
น.ส.รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ หลุดระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ระดับ 31.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าต่อเนื่องและแข็งที่สุดในรอบ 4 ปี และยังเป็นการแข็งค่านำสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาคด้วย
ทั้งนี้ การที่เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว เป็นผลมาจากตลาดเงินโลกมีความมั่นใจมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในสัปดาห์หน้า รวมทั้งในการประชุมอีก 2 ครั้งที่เหลือของปีนี้ด้วย ซึ่งคาดว่าจะลดดอกเบี้ยลงครั้งละ 0.25%
นอกจากนั้น ยังเป็นผลมาจากปัจจัยของราคาทองคำโลกที่เข้ามาหนุนให้เงินบาทแข็งค่าเร็ว เพราะราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All time high) ตลอดทั้งสัปดาห์ โดยแนวโน้มระยะสั้น แนวรับอยู่ที่ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งหากเงินบาทหลุดลงไปทดสอบที่ระดับ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ได้ หลังจากนั้นอาจจะสลับกลับมาอ่อนค่าขึ้นบ้างได้ในช่วงสัปดาห์ต่อไป
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เงินบาทที่แข็งค่าส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และเกษตรกรรม ทำให้การส่งออกไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ยากลำบากขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าไทยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งส่วนภาคการท่องเที่ยว ทำให้ไทยมีต้นทุนการท่องเที่ยวสูงขึ้นในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดแรงจูงใจในการเดินทางมาไทย และภาคเกษตรกรรมนั้น จะกระทบต่อเกษตรกรไทยที่พึ่งพาการส่งออก
สำหรับการแข็งค่าของเงินบาทนั้น มองว่าไม่ได้เกิดจากปัจจัยในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า เพราะตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และยังมีปัจจัยของทองคำ เพราะไทยถือครองทองคำจำนวนมาก และราคาทองคำในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการขายทองคำออกมาเป็นเงินตราต่างประเทศและแปลงกลับเป็นเงินบาท ส่งผลให้มีความต้องการเงินบาทเพิ่มขึ้น และดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่าประเทศคู่ค้าอย่างผิดปกติ รวมถึงมีเงินไหลเข้าประเทศด้วย ซึ่งอาจจะมาจากคริปโตเคอร์เรนซี
ขณะเดียวกัน มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ยังยิ่งซ้ำเติมผลกระทบจากเงินบาทแข็งให้หนักขึ้น อีกทั้งไทยยังมีข้อจำกัดด้านการแทรกแซงค่าเงิน เพราะการที่ธปท.เข้าไปดูแลค่าเงินบาทอย่างเข้มข้น อาจทำให้ไทยถูกเพ่งเล็งว่าบิดเบือนค่าเงิน ซึ่งสหรัฐฯเชื่อมโยงประเด็นนี้กับการเจรจาภาษีอยู่
ที่ผ่านมา หอการค้าไทยและคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) เคยยื่นข้อเสนอแนวทางการดูแลค่าเงินบาทต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว คือแยกดุลทองคำออกมาให้เห็นชัดเจน เพื่อให้สามารถประเมินผลกระทบต่อค่าเงินบาทได้ตรงจุด