รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” มีแนวโน้มที่จะ “ปัดฝุ่น” “โครงการคนละครึ่ง” ที่ประสบความสำเร็จอย่างดีของรัฐบาล “ลุงตู่” มาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นๆ นี้
หลังจาก “แพทองธาร ชินวัตร” ถูกศาลตัดสินให้พ้นจากนายกรัฐมนตรี และยังมีอีกหลายคดีที่รอการตัดสิน ขณะที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้นำทางจิตวิญญาณ ก็มีอันเป็นไป ถูกบังคับโทษจำคุก 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา และยังมีคดีอื่นๆที่รอการตัดสินตามมาอีกเช่นกัน
“พรรคเพื่อไทย” พ่ายแพ้ทางการเมืองแบบหมดสภาพ ที่สำคัญไม่สามารถผลักดันนโยบายเรือธงตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาให้สำเร็จ โดยเฉพาะกระเป๋าเงินดิจิทัล แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทุกเส้นทาง ใช้ซอฟต์พาวเวอร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน ฯลฯ
ตอกย้ำว่า การบริหารประเทศของเพื่อไทย นอกจากคนไทย “ไม่มีกิน ไม่มีใช้ ไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรี” แล้ว ยังอับอาย “เขมร” เพราะผู้นำหญิงคนที่ 31 อ่อนด้อยปัญญา เพลี่ยงพล้ำ “อังเคิล” จนความขัดแย้งรุนแรงขึ้น มีการปะทะกัน สูญเสียชีวิต และทรัพย์สินของทหาร ประชาชน และประเทศเป็นอย่างมาก
“พรรคเพื่อไทย” ไม่น่าจะมีที่ยืน และไม่น่าจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลในเร็วๆนี้!!
สำหรับรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 และ “พรรคภูมิใจไทย” ที่รู้ดีว่า มีเวลาบริหารประเทศน้อย เพียง 4 เดือน (ถ้าทำตาม MOA กับพรรคประชาชนจริง) ได้ประกาศในวันรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ทันทีว่า
หนึ่งในภารกิจเร่งด่วน คือ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยจะดำเนินมาตรการลดรายจ่าย ค่าครองชีพ ค่าพลังงาน ค่าเดินทาง ขนส่ง ให้ประชาชน แก้ปัญหาหนี้สินให้เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน และชุมชนท้องถิ่นซึ่งเป็นฐานรากของสังคมไทย
และมีแนวโน้มที่จะ “ปัดฝุ่น” “โครงการคนละครึ่ง” ที่ประสบความสำเร็จอย่างดีของรัฐบาล “ลุงตู่” มาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นๆนี้ ซึ่งเพียงแค่มีข่าวหลุดออกมา ผู้คนทุกระดับ ทุกวงการในประเทศ ส่งเสียงเชียร์กันยกใหญ่ เพราะที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง
“นายวรภัค ธันยาวงษ์” อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ว่าที่ รมช.คลังคนใหม่ ถึงกับโพสต์ Facebook “Vorapak Tanyawong” ว่า “คนละครึ่ง” อาจถึงเวลาที่ต้องกลับมาอีกครั้ง? แต่คราวนี้จะกลับมาในเวอร์ชัน “คนละครึ่ง 2.0” ให้ประชาชนซื้อขายแบบกระตือรือร้นมากขึ้น
“วันนี้ค่าครองชีพยังสูง เศรษฐกิจฐานรากยังเหนื่อย การนำคนละครึ่งกลับมาอาจเป็นอีกหนึ่งทางออกระยะสั้นที่ช่วยทั้งผู้ซื้อและผู้ขายไปพร้อมกัน แน่นอนว่า ไม่ใช่คำตอบถาวร แต่ในช่วงที่ประชาชนรับภาระหนัก การมีมาตรการที่สัมผัสได้จริง อาจเป็นพลังใจและแรงขับเคลื่อนสำคัญให้เศรษฐกิจเดินต่อ”
ส่วน “นายลวรณ แสงสนิท” ปลัดกระทรวงการคลัง ยันว่า พร้อมทำได้ทันที เพราะมีระบบรองรับอยู่แล้ว อีกทั้งมีงบประมาณกลางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจปี 69 จำนวน 25,000 ล้านบาทไว้พร้อมแล้วเช่นกัน
ถ้าทำจริง ต้องดูว่ารัฐบาลจะใช้เงินเท่าไร เพียงพอจะกระตุกให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นจริงหรือไม่ หรือแค่ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” เอาใจคนไทยไปวันๆ เพื่อหวังคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า.
ฟันนี่เอส
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม