“คลัง” ปลดล็อก บสย. ค้ำประกันสินเชื่อ Non-Bank กลุ่มลีสซิ่ง-นาโนไฟแนนซ์ ขยายโอกาสรายย่อย Micro SMEs และกลุ่มอาชีพอิสระ เข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง “กำหนดให้นิติบุคคลที่ให้บริการสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดย่อมเป็นสถาบันการเงิน” มีผลบังคับใช้แล้ว เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 68 โดยกำหนดให้นิติบุคคลที่ให้บริการสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในประกาศนี้ เป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้ได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินจำนวนมากขึ้น
ทั้งนี้ จากประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าว ทำให้ บสย. ขยายขอบเขตการช่วยเหลือ SMEs รายย่อย อาชีพอิสระได้กว้างขึ้น ให้ครอบคลุมไปยังผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) เพื่อเพิ่มโอกาสให้ SMEs รายย่อย อาชีพอิสระ สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากยิ่งขึ้น ผ่านกลไกการค้ำประกันของ บสย. จากเดิม บสย. สามารถค้ำประกันสินเชื่อกลุ่ม Non-Bank ที่สถาบันการเงินนั้นๆ ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 50% ซึ่งมีจำนวนผู้ให้บริการเพียงกว่า 10 ราย เท่านั้น
นายสิทธิกร กล่าวต่อว่า การเข้าไปค้ำประกันเพิ่มในกลุ่มดังนี้ 1. กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจตามประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศกว่า 70 ราย
และ 2. กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นการค้าปกติ แต่ไม่รวมถึงสหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ ประกอบด้วย ลีสซิ่งของบริษัทรถยนต์และลีสซิ่งกลุ่ม Non-Bank ซึ่งมีมากกว่า 30 ราย และมีสัดส่วนการให้สินเชื่อสำหรับการเช่าซื้อรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ถึง 60%
“การแก้ไขประกาศกระทรวงการคลัง เพื่อเข้าไปค้ำประกันสินเชื่อ Credit Guarantee ให้กับกลุ่มรายย่อย Micro SMEs และกลุ่มอาชีพอิสระที่ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ หรือขาดคนค้ำประกันสินเชื่อ และถูกปฏิเสธสินเชื่อ หวังช่วยประชาชนลดการพึ่งพาเงินกู้นอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่อที่เป็นธรรมภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. และเข้าถึงสินเชื่อแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งจะช่วยให้ SMEs ที่ต้องใช้รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เป็นเครื่องมือประกอบอาชีพ เช่น เกษตรกร ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนส่งสินค้า ค้าขาย ฟู้ดทรัค เป็นต้น สามารถพลิกฟื้นธุรกิจ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจฐานรากและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ”
นอกจากนี้ บสย. ยังมีมาตรการแก้หนี้ “บสย. พร้อมช่วย” เพื่อช่วยลูกหนี้ SMEs รายย่อยทุกกลุ่มที่ถือหนังสือค้ำประกัน บสย. และถูกจ่ายเคลม เนื่องจากประสบปัญหาไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดต่อได้จนกลายเป็นหนี้เสีย หรือในรายที่รถกระบะถูกยึดขายทอดตลาดเสร็จสิ้นแล้วและไฟแนนซ์พิจารณาส่งยอดหนี้คงเหลือมาเคลมกับ บสย. ก็สามารถเข้าร่วมมาตรการแก้หนี้ “บสย. พร้อมช่วย” (มาตรการ 3 สี ม่วง เหลือง เขียว) ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ เน้นการยืดหนี้ ผ่อนยาวสูงสุด 7 ปี ดอกเบี้ย 0% ตัดเงินต้นก่อนตัดดอก และสามารถปลดหนี้ มีส่วนลดเงินต้นสูงสุด 50% สำหรับลูกหนี้ “กลุ่มเปราะบาง” ที่เงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท เพื่อช่วยให้ SMEs รายย่อยที่ถูกจ่ายเคลมหนังสือค้ำประกัน สามารถอยู่รอด อยู่ได้ และปลดหนี้ได้เร็วขึ้น พร้อมฟื้นฟูธุรกิจผ่านศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. F.A. Center) ได้อย่างยั่งยืนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ บสย. อยู่ระหว่างพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์คุณสมบัติของผู้ให้บริการทางการเงิน Non-Bank ทั้ง 2 กลุ่มข้างต้น ให้สามารถใช้บริการค้ำประกันสินเชื่อ Credit Guarantee ในทุกโครงการ PGS และทุกผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ บสย. โดยคำนึงถึงความมั่นคงทางการเงินและความเสี่ยงของผู้ให้บริการทางการเงิน Non-Bank เป็นสำคัญ ซึ่งจะมีการประกาศหลักเกณฑ์ออกมาภายในเร็วๆ นี้