ไทยเสี่ยง “ถูกลดเครดิตประเทศ” เมื่อฐานะการคลังใกล้ถึงขีดจำกัด

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ไทยเสี่ยง “ถูกลดเครดิตประเทศ” เมื่อฐานะการคลังใกล้ถึงขีดจำกัด

Date Time: 4 พ.ย. 2568 20:02 น.

Video

SAWAKAMI บลจ.ญี่ปุ่นบุกไทย | BrandStory Exclusive EP.26

Summary

ฐานะการคลังไทยใกล้ถึงขีดจำกัด เมื่อรัฐต้องขาดดุลต่อเนื่อง รายได้เพิ่มยาก แต่รายจ่ายพุ่งพรวด โดยเฉพาะหลังจากโควิด-19 ที่ผ่านมา ถ้าไม่เร่งแก้ปัญหาไทยอาจถูกลดเครดิตประเทศ

หลายคนอาจเห็นข่าว ประเทศไทยถูกปรับมุมมองความน่าเชื่อถือด้านการคลังลงจาก Moody’s และ Fitch Ratings (บริษัทจัดอันดับเครดิต) จากเสถียรภาพ (Stable) กลายเป็นลบ (Negative) สะท้อนถึง สถานการณ์ของไทยที่อ่อนแอลงต่อเนื่อง นับจากหลังวิกฤติโควิด-19 ที่ภาครัฐมีรายจ่ายเพิ่ม แต่รายได้น้อยลง

ปัญหานี้หนักหนาแค่ไหน Thairath Money สรุปมาให้แล้ว

คลังใกล้ถึงขีดจำกัด รายจ่ายพุ่ง

ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ฐานะการคลังของไทยก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน โดย KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ย้ำว่า การขาดดุลของภาครัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและใกล้จะถึง ‘ขีดจำกัด’ มากขึ้นเรื่อยๆ

สาเหตุหลักมาจาก รัฐบาลต้องการพยุงเศรษฐกิจในระยะสั้น เพื่อต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอมาอย่างต่อเนื่อง ช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด รัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณไม่เกิน 3% ของ GDP แต่ช่วงที่เกิดโควิด-19 ในปี 2564-2565 ก็พุ่งขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณ 8-9% ยิ่งตอนนี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่นๆ ทำให้รัฐบาลเลือกจะขาดดุลฯ สูงขึ้นอีก สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมาอยู่ที่ประมาณ 4-5% ของ GDP

จากการขาดดุลฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นส่งผลให้หนี้สาธารณะพุ่งขึ้นด้วยเช่นกัน โดย KKP Research คาดว่า มีโอกาสจะแตะเพดาน 70% ต่อ GDP ภายในปีงบประมาณ 2570 เร็วกว่ากระทรวงการคลังที่คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีรายจ่ายอีกหลายด้านที่อาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง งบประจำ เช่น ค่าจ้างข้าราชการ, งบรัฐสวัสดิการ ฯลฯ โดยเฉพาะสังคมสูงวัยอาจทำให้งบสวัสดิการของข้าราชการและประชาชนพุ่งขึ้นจาก 25% เป็น 35% ของงบประมาณทั้งหมด ใน 15 ปีข้างหน้า นี่ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ คลังต้องแบกรับไว้

รัฐรายได้หดเพราะเก็บภาษีได้น้อยลง?

รายจ่ายพุ่ง แต่ขารายได้กลับลดลง ข้อมูลล่าสุดพบว่า ปีงบประมาณ 2568 รัฐบาลเก็บภาษีได้น้อยกว่าเป้าหมายวางเอาไว้ ที่หายไปถึง 6.5 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งลดลงจากภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ที่มีมาตรการทางภาษีสนับสนุนให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV)

ทว่าถ้าเจาะลึกลงไปว่าทำไมรัฐเก็บภาษีได้ต่ำเป้า อาจมาจากเศรษฐกิจนอกระบบของไทยที่ใหญ่เกินไป และคนส่วนใหญ่มีความอ่อนไหวต่อการเก็บภาษีที่สูง อาจพยายามหลีกเลี่ยงภาษีให้ได้มากที่สุดในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจฝืดเคือง

แต่รายได้รัฐที่เก็บได้น้อยนี่อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะถ้าเราย้อนไปดู 20 ปีที่ผ่านมา ตัวสัดส่วนรายได้ต่อ GDP ของไทยปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง จากเดิมในปี 2546-2558 ที่ราว 16-17% ต่อ GDP ซึ่งนับตั้งแต่โควิด-19 เป็นต้นมากลับพบว่าลดลงมาต่ำกว่า 15% ต่อ GDP แล้ว

ปฏิรูปโครงสร้างการคลังต้องเริ่มที่ไหน

เมื่อไทยยังต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างชาติ ความน่าเชื่อถือหรือการรักษาอันดับเครดิตเอาไว้จึงสำคัญมาก โดย KKP Research มองว่ามี 4 เรื่องที่ต้องเร่งและเริ่มทำตั้งแต่วันนี้

1. ยกระดับศักยภาพการเติบโตระยะยาว: เร่งรัดโครงสร้างพื้นฐาน สร้างแรงจูงใจให้เอกชนลงทุน และพัฒนาทักษะแรงงานให้ตรงกับเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่

ดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในระดับต่ำ

2. เพิ่มศักยภาพด้านรายได้รัฐ: ตัวอย่างเช่น การขยายฐานภาษี ลดขนาดเศรษฐกิจนอกระบบ ลดการยกเว้นภาษีที่ไม่จำเป็น และพัฒนาระบบจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพ

3. ปรับโครงสร้างรายจ่ายภาครัฐ: เร่งปฏิรูปโครงสร้างระบบราชการ ปรับและจัดสวัสดิการให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ลดการรั่วไหลจากคอร์รัปชันและรายจ่ายประจำที่ไม่มีประสิทธิผล

4. สร้างกรอบวินัยการคลังที่น่าเชื่อถือ: จัดทำงบประมาณแบบหลายปี (Multi-year budgeting) และมีองค์กรอิสระด้านการคลังคอยติดตามตรวจสอบและประเมินผล เพื่อสนับสนุนความน่าเชื่อถือของรัฐบาล


ที่มา : KKP Research

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ