วัดผล 5 ปี ธนาคารกรุงเทพ ผนึกเพอร์มาตา กำไรเพิ่ม 8,000 ล้าน เชื่อมการลงทุนไทย-อินโดนีเซีย-อาเซียน

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

วัดผล 5 ปี ธนาคารกรุงเทพ ผนึกเพอร์มาตา กำไรเพิ่ม 8,000 ล้าน เชื่อมการลงทุนไทย-อินโดนีเซีย-อาเซียน

Date Time: 2 ก.ค. 2568 15:15 น.

Video

ทำไมกองทุนประกันสังคมเสี่ยงล้มละลาย ? | Thairath Money Night Stand EP.8

Summary

ธนาคารกรุงเทพ ตอกย้ำบทบาท “ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค” เดินหน้าพัฒนาคุณภาพการดูแลลูกค้าร่วมกับธนาคารเพอร์มาตา ชูเป็นจุดศูนย์กลางดึงนักธุรกิจเข้าลงทุนในอินโดนีเซียและภูมิภาคอาเซียน ทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และโครงการตามนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุนด้วยบริการทางการเงินที่ทันสมัย ครบวงจรจากทั้งสองธนาคาร หนุนการเติบโตทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

Latest


หลังจากที่ธนาคารกรุงเทพ ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการธนาคารไทย เมื่อปี 2563 ด้วยการเข้าซื้อกิจการ ธนาคาร พีที เพอร์มาตา ทีบีเค (ธนาคารเพอร์มาตา) ภายใต้ดีลก้อนโต ที่มีมูลค่าเฉียด 100,000 ล้านบาท

โดยการควบรวมธนาคารกรุงเทพ 3 สาขา ได้แก่ สาขาจาการ์ตา สาขาสุรายาบา และสาขาเมดาน เข้ากับธนาคารเพอร์มาตาซึ่งแต่เดิมเป็นธนาคารพาณิชย์อันดับ 12 ในอินโดนีเซีย

การผนึกกำลังกันเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เป็นการผสานจุดแข็งของทั้งสองธนาคารเข้าด้วยกันเสริมศักยภาพบริการ มอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า อีกทั้งยังเป็นช่องทางการจับคู่ทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพภายใต้การสนับสนุนด้านการเงินอย่างครบวงจร ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ธนาคารกรุงเทพ และ ธนาคารเพอร์มาตา เติบโตอย่างแข็งแกร่งแล้ว ยังเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอินโดนีเซียให้แน่นแฟ้นมากขึ้นด้วย

ขับเคลื่อนสู่การเป็น “ยักษ์ใหญ่” แดนอิเหนา

ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เน้นย้ำถึงศักยภาพของอินโดนีเซียในฐานะคู่ค้าเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 การลงทุนของไทยในอินโดนีเซียพุ่งสูงถึง 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในช่วงปี 2560-2565 นักลงทุนไทยมีการลงทุนรวม 1.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในกว่า 1,400 โครงการทั่วอินโดนีเซีย 

สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยในตลาดอินโดนีเซียที่แข็งแกร่ง และในปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกสินค้าไปยังอินโดนีเซียมูลค่า 10.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ไทยเป็นจุดหมายส่งออกใหญ่อันดับ 4 ของอินโดนีเซีย ด้วยมูลค่า 7.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ธนาคารกรุงเทพในฐานะ “ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค” และธนาคารต่างชาติแห่งแรกของอาเซียนที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารในอินโดนีเซีย ตั้งแต่ปี 2511 เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในระยะยาว

และการที่อินโดนีเซียได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS อย่างเต็มรูปแบบในปีนี้ ยิ่งทำให้เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักธุรกิจที่ต้องการลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่น ชาติศิริ เผยว่า การตัดสินใจเข้าซื้อ PermataBank ไม่ใช่ความคิดเพียงแค่ชั่วข้ามคืน แต่มาจากการศึกษาและดำเนินการมาอย่างยาวนาน เนื่องจากธนาคารกรุงเทพเล็งเห็นอินโดนีเซียในฐานะหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจอาเซียน ด้วยฐานเศรษฐกิจที่กว้างขวางและกลุ่มประชากรที่มีกำลังซื้อสูง 

แม้จะมีการแข่งขันจากธนาคารต่างชาติหลายแห่งที่ประสบความสำเร็จไม่มากนัก แต่ธนาคารกรุงเทพมั่นใจในกลยุทธ์ที่แตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "โมเดลธุรกิจแบบ Family Banking และ Relationship Banking" ซึ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับลูกค้ากลุ่มนักธุรกิจชั้นนำของประเทศที่มีมายาวนานตั้งแต่ยุคบุกเบิก ช่วยให้ธนาคารเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและโครงการขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่แค่การแข่งขันด้านราคาแบบ Western Banking ส่งผลให้สามารถรักษาอัตรากำไรที่ดีและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสนับสนุนการลงทุนระหว่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพได้สนับสนุน PermataBank จัดตั้ง "ฝ่ายพัฒนาและที่ปรึกษาธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Development and Advisory Directorate)" หน่วยงานนี้จะเป็นศูนย์กลางรองรับทั้งลูกค้าในเครือข่ายของธนาคารกรุงเทพในกลุ่มอาเซียน จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซีย 

และลูกค้าในอินโดนีเซียที่ต้องการไปลงทุนในประเทศอื่นในภูมิภาค โดยจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ จัดหาเงินทุนสำหรับโครงการ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สอดคล้องกับหลัก ESG ซึ่งธนาคารกรุงเทพในฐานะผู้นำด้านการเงินสีเขียว พร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน

ชาติศิริ เน้นย้ำว่า อินโดนีเซียมีโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลายสำหรับนักลงทุนไทย ทั้งภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติและการแปรรูป ซึ่งประเทศไทยมีความเชี่ยวชาญ และยังมีบริษัทไทยชั้นนำหลายแห่งได้เข้ามาลงทุนในอินโดนีเซียมาอย่างยาวนาน อาทิ กลุ่มซีพี, กลุ่มบ้านปู, ปตท., เอสซีจี (ทั้งเคมีภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์), ราชบุรีโฮลดิ้ง และบางจาก 

นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่ธุรกิจไทยจะเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคการผลิตและพลังงาน ขณะเดียวกัน บริษัทอินโดนีเซียหลายแห่งก็เข้ามาลงทุนในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียเช่นกัน อาทิ ธุรกิจขนมและอาหารสัตว์ สะท้อนถึงการเติบโตและการขยายตัวของธุรกิจอินโดนีเซียออกสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น

ทั้งนี้ในปี 2567 ธนาคารเพอร์มาตา ได้ปรับเปลี่ยนมาใช้ตราสัญลักษณ์บัวหลวง เพื่อสะท้อนความเป็นหนึ่งเดียวในมาตรฐานการบริการ ภายใต้แนวคิด “One Family One Team” ของธนาคารกรุงเทพ  โดย ณ สิ้นปี 2567 ธนาคารเพอร์มาตาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปี 2566 และธนาคารเพอร์มาตามีสัดส่วนสินเชื่อประมาณ 12% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดของธนาคารกรุงเทพ 

โดยตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการในปี 2563 สัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศต่อสินเชื่อรวมของธนาคารกรุงเทพเพิ่มขึ้นจาก 17% เป็น 25% (ข้อมูล ณ ธันวาคม 2567) ส่งผลให้ปัจจุบันธนาคารเพอร์มาตาเป็น 1 ใน 10 ของธนาคารที่มีสินทรัพย์รวมใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย มีเครือข่ายสาขาให้บริการ 240 สาขา กระจายอยู่ใน 82 เมืองสำคัญทั่วประเทศ เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้ากว่า 6.2 ล้านราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568) 

กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เสริมว่า ศักยภาพในการเติบโตของ PermataBank มาจากเศรษฐกิจอินโดนีเซียที่มีขนาดใหญ่ ประชากรมาก และโครงสร้างประชากรอยู่ในวัยทำงานสูง มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา PermataBank สร้างผลกำไรให้ธนาคารกรุงเทพประมาณ 8,000 ล้านบาท และเชื่อว่าใน 3-5 ปี อาจแตะที่ระดับ 10,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้ เมลิสา รุสลิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพอร์มาตา กล่าวว่า ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง พร้อมด้วยทรัพยากรและแรงงาน โดยปัจจุบันรัฐบาลได้ดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ “Golden Indonesia” ที่เน้นขับเคลื่อนโครงการเศรษฐกิจสีเขียว การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และโครงการด้านเทคโนโลยีดิจิทัล มุ่งสู่การเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกภายในปี 2588 ด้วยจำนวนประชากรเกือบ 280 ล้านคน ซึ่งจากยุทธศาสตร์นี้ ธนาคารเพอร์มาตา ได้เล็งเห็นโอกาสสำคัญและผลักดันลูกค้าและพันธมิตรในภูมิภาคเพื่อคว้าโอกาสต่างๆที่จะเกิดขึ้น ผ่านบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างครบวงจร สำหรับกลุ่มลูกค้าบุคคลและกลุ่มลูกค้าธุรกิจ โดยมีทั้งบริการการเงินทั่วไปและระบบการเงินอิสลาม (Sharia) 

“นโยบายของรัฐบาลอินโดนีเซียในขณะนี้ สอดคล้องกับการดำเนินงานของธนาคารเพอร์มาตาภายใต้การสนับสนุนของธนาคารกรุงเทพ เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าในหลายด้าน เช่น บริการ Asia Same Day Payment ซึ่งให้บริการโอนเงินแก่ลูกค้านำเข้าและส่งออกได้ภายในวันเดียวแบบเรียลไทม์ระหว่างไทยกับอินโดนีเซียผ่านคิวอาร์โค้ด  รวมทั้งเร่งผลักดันลูกค้าเปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจสีเขียว โดยสนับสนุนสินเชื่อต่างๆ พร้อมทั้งดูแลและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกมิติ” เมลิสา กล่าว

Synergy และการพัฒนาเทคโนโลยี

ความร่วมมือระหว่างธนาคารกรุงเทพและ PermataBank เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด โดยมีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ทั้งในด้าน SME Banking, Corporate Banking และการปรับโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญที่น่าจับตาคือ นวัตกรรมด้าน Mobile Banking ของ PermataBank (Permata Me) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ดีที่สุดในภูมิภาค และเป็นระบบที่เปิดกว้างสามารถเชื่อมโยงกับพันธมิตรทางธุรกิจอื่น ๆ ได้ ซึ่งธนาคารกรุงเทพสามารถนำมาปรับใช้และเรียนรู้เพื่อพัฒนาบริการในประเทศไทยได้

เป้าหมายสู่ Regional Champion และแนวโน้มเศรษฐกิจ

ธนาคารกรุงเทพตั้งเป้าที่จะเป็น "Regional Champion" หรือธนาคารชั้นนำในภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง ด้วยเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั้งประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็กในอาเซียน ธนาคารกรุงเทพเชื่อมั่นว่าจะสามารถรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียนในอนาคตได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังคงมุ่งมั่นที่จะพาธุรกิจไทยเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซีย เพื่อคว้าโอกาสจากเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังลงทุน รวมถึงการเติบโตของกลุ่ม Startup และชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อสูง ล้วนเป็นปัจจัยดึงดูดนักลงทุนไทย

สำหรับภาพรวมธุรกิจธนาคารในปีนี้ ชาติศิริ กล่าวว่า ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อโดยรวมอยู่ที่ 3-4% ซึ่งแม้จะเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่ยังไม่ได้ปรับเปลี่ยน และในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ยังไปได้พอสมควร โดยการเติบโตหลักจะมาจากธุรกิจ Corporate Banking และธุรกิจต่างประเทศ ขณะที่กลุ่มลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และลูกค้ารายย่อยอาจเติบโตในระดับที่ต่ำลงเล็กน้อย ทั้งนี้ PermataBank ตั้งเป้าสินเชื่อขยายตัว 8-10%

มุ่งพานักธุรกิจไทยสู่อินโดนีเซีย

ในอนาคต ธนาคารกรุงเทพยังคงมุ่งมั่นที่จะพาธุรกิจไทยเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซีย เพื่อคว้าโอกาสจากเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังลงทุน รวมถึงการเติบโตของกลุ่ม Startup และ ชนชั้นกลาง ที่มีกำลังซื้อสูง ล้วนเป็นปัจจัยที่ดึงดูดนักลงทุนไทย

ขณะที่ โจโช พาร์เตเต หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารเพอร์มาตา วิเคราะห์ว่า การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของอินโดนีเซีย ในปี 2567 อยู่ที่ 5.03% และในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ 4.7% ส่วนในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 เศรษฐกิจอินโดนีเซียเติบโตถึง 4.87% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์จากสถาบันการเงินระหว่างประเทศชั้นนำ เช่น IMF, World Bank, ADB และ OECD

ทั้งนี้ธนาคารกรุงเทพยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 3-4% โดยการเติบโตหลักจะมาจากธุรกิจ Corporate Banking และ ธุรกิจต่างประเทศ ในขณะที่กลุ่มลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และลูกค้ารายย่อยอาจเติบโตในระดับที่ต่ำลงเล็กน้อย ทั้งนี้ธนาคารเพอร์มาตา ตั้งเป้าสินเชื่อขยายตัว 8-10% 

เมื่อถูกถามถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและหนี้ครัวเรือนที่สูงของไทย ชาติศิริ กล่าวว่า ธนาคารยังคงพิจารณาสินเชื่อตามปกติ และไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นเป็นพิเศษ แม้จะมีการผันผวนบ้าง แต่ก็ไม่ได้แตกต่างจากช่วงเวลาอื่นๆ ที่ผ่านมา และยังไม่พบสัญญาณการผิดนัดชำระหนี้ในวงกว้างจากธุรกิจขนาดใหญ่

สะท้อนให้เห็นว่าการลงทุนในธนาคารเพอร์มาตา ของธนาคารกรุงเทพ ไม่ใช่เพียงการขยายธุรกิจ แต่เป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับการเติบโตของอาเซียนในฐานะภูมิภาคที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก และเป็นการสร้างสมดุลให้กับพอร์ตธุรกิจของธนาคารให้มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นในอนาคต

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ