เทียบ 3 หุ้นสายการบิน โตแค่ไหน เมื่อท่องเที่ยวไทยไม่ฟื้น

สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยยังคงน่ากังวลในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมการบิน วันนี้ Thairath Money พาเจาะลึก 3 หุ้นสายการบินยักษ์ใหญ่ของไทย ได้แก่

• บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น THAI
• บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น AAV
• บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BA

ท่ามกลางความท้าทายนี้ ใครปรับตัวได้ดีกว่า และใครมีโอกาสเติบโตซ่อนอยู่บ้าง

บมจ.การบินไทย หรือหุ้น THAI

เริ่มกันที่ บมจ.การบินไทย หรือหุ้น THAI ที่กลับมาอย่างแข็งแกร่ง หลังจากออกจากแผนฟื้นฟูกิจการสำเร็จ ในครึ่งแรกของปี 2568 THAI สร้างผลงานน่าประทับใจด้วยรายได้ 96,452 ล้านบาท และกำไรสุทธิสูงถึง 21,956 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าอย่างก้าวกระโดดถึง 708.4% สะท้อนความสำเร็จในการบริหารจัดการต้นทุนและประสิทธิภาพการดำเนินงานหลังออกจากแผนฟื้นฟู

เมื่อมองย้อนหลังจะเห็นภาพการฟื้นตัวที่น่าสนใจ จากที่ขาดทุนเล็กน้อยในปี 2565 สามารถพลิกกลับมาทำกำไรที่ 28,096 ล้านบาทในปี 2566 แม้กลับขาดทุนหนักอีกครั้งในปี 2567 ที่ -26,933 ล้านบาท แต่แสดงให้เห็นถึงความผันผวนในช่วงของการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ก่อนจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในปีล่าสุด

THAI ยังคงสถานะเป็นสายการบินแห่งชาติที่มีเครือข่ายบินกว้างขวางที่สุดในบรรดา 3 บริษัท และมีอัตราการใช้เครื่องบินสูงถึง 13.5 ชั่วโมงต่อวัน ด้วยการใช้สินทรัพย์ได้อย่างเต็มศักยภาพ

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 การบินไทยมีฝูงบินจำนวน 78 ลำ เพื่อให้บริการครอบคลุมเครือข่ายเส้นทางบินที่กว้างขวางถึง 62 จุดบิน ใน 27 ประเทศทั่วโลก โดยมีจำนวนการขนส่งผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 8.30 ล้านคน และมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ยอยู่ที่ 80.2%

บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น หรือหุ้น AAV

ต่อมาคือ บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น หรือหุ้น AAV สายการบินผู้ให้บริการ "ไทยแอร์เอเชีย" ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาดการบินในประเทศ

ผลงานครึ่งปีแรกสะท้อนภาพความท้าทายของตลาดนักท่องเที่ยว ทำให้รายได้ลดลงเล็กน้อยที่ 3.1% มาอยู่ที่ 24,903.7 ล้านบาท แต่จุดสำคัญคือความสามารถในการทำกำไรที่พลิกกลับมาเป็นบวกได้ 1,601.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ยังขาดทุนอยู่

เส้นทางการฟื้นตัวของ AAV ตลอด 3 ปีที่ผ่านมามีความชัดเจนและสม่ำเสมอ จากที่เคยขาดทุนหนักถึง -8,030 ล้านบาทในปี 2565 สามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้สำเร็จในปี 2566 และเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2567 ที่ 3,477 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวและเติบโตด้านรายได้ที่มั่นคง

AAV ยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดการบินในประเทศอย่างชัดเจน ด้วยการครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 41% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 โดยมีฝูงบินจำนวน 62 ลำ สามารถขนส่งผู้โดยสารได้มากที่สุดในกลุ่มถึง 10.40 ล้านคน และมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) อยู่ที่ 84%

บมจ.การบินกรุงเทพ หรือหุ้น BA

และสุดท้าย บมจ.การบินกรุงเทพ หรือหุ้น BA เจ้าของสายการบิน Bangkok Airways ผู้วางตำแหน่งตัวเองเป็น "สายการบินบูทีคแห่งเอเชีย" แม้จะมีขนาดฝูงบินเล็กที่สุดเพียง 23 ลำ และขนส่งผู้โดยสารได้น้อยที่สุดที่ 2.20 ล้านคน แต่กลับทำกำไรในครึ่งปีแรกได้กว่า 2 พันล้านบาท

โดยในครึ่งปีแรกทำรายได้ไป 13,530.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขกำไรลดลง 19.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากฐานที่สูง สะท้อนให้เห็นว่าแม้รายได้จะทรงตัว แต่แรงกดดันด้านต้นทุนหรือการแข่งขันอาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไร

หากย้อนดูผลประกอบการ BA จะเห็นว่ามีการฟื้นตัวที่มั่นคงและต่อเนื่อง จากที่ขาดทุน -2,110 ล้านบาทในปี 2565 สามารถกลับมาทำกำไรสูงถึง 3,110 ล้านบาทในปี 2566 และเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 ที่ 3,787 ล้านบาท ซึ่งตอกย้ำถึงความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่นจากโมเดลธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีแรกนี้ BA เป็นเพียงบริษัทเดียวที่กำไรลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า  ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าจับตามอง

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มีขนาดฝูงบินจำนวน 23 ลำ สามารถให้บริการแก่ผู้โดยสารจำนวน 2.20 ล้านคน และรักษาอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) ไว้ได้ที่ระดับ 76%

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/ThairathMoney