เมื่อแฟชั่นมือสองกลายเป็นพลังบวกของวงการ แฟน ๆ แห่เข้าร่วมงาน “Welcome to Lisa’s Closet” One Day Only Flea Market คึกคัก หลัง “ลิซ่า BLACKPINK” จัดงานปล่อยเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว หลักร้อยถึงหลักพัน ตั้งแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนมหายาก แอคเซสซอรีสุดชิค หรือไอเท็มที่เคยใส่ออกงานจริง All curated by Lisa herself!
“ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” แห่งวง Blackpink จัดงาน “Welcome to Lisa’s Closet” นำเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ และของใช้ส่วนตัวของตัวเองออกมาวางขายต่อให้ได้จับจองในราคาจับต้องได้ โดยงานนี้จัดขึ้นเพียงหนึ่งวันที่เกาหลีใต้ ซึ่งบรรดาแฟน ๆ ที่ได้เข้าไปช็อปต้องทำการลงทะเบียนจองคิวเพื่อเข้าไปซื้อก่อนเท่านั้น
ภายในงาน Flea Market วันเดียวนี้ แฟน ๆ ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของเสื้อผ้าและแอคเซสซอรีจากตู้จริงของลิซ่า ที่เธอตั้งใจคัดสรรด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นชิ้นเด็ดจากแบรนด์ระดับโลก หรือไอเท็มส่วนตัวที่สะท้อนสไตล์เฉพาะตัวของเธอ
โดยรายได้จากการขายทั้งหมดจะถูกนำไปบริจาคให้กับ “Good Neighbors” ซึ่งเป็นองค์กรด้านมนุษยธรรมและการพัฒนาระหว่างประเทศที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1991 และดำเนินงานในกว่า 50 ประเทศ
งานนี้กลายเป็นไวรัลจนแฮชแท็ก #LISAxFleaMarket ติดเทรนด์ในโซเชียลทันทีหลังการประกาศจัดกิจกรรมและได้รับความสนใจจากบรรดาแฟนคลับเป็นอย่างมาก เพราะงานนี้ไม่ใช่แค่ตลาดนัดปล่อยของมือสอง แต่เป็นสถานที่แบ่งปันความทรงจำของลิซ่ากับแฟนคลับผ่านไอเท็มต่าง ๆ
ตามคอนเซปต์ “EVERY ITEM HAS A STORY” ที่สามารถมีส่วนร่วมในตัวศิลปินที่ตนเองชื่นชอบผ่านการเป็นเจ้าของไอเท็มของเธอในแต่ละยุคสมัย ตั้งแต่ช่วงเดบิวต์เป็นศิลปินจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ไฮไลต์ที่ถูกพูดถึงก็คือ สินค้าแต่ละชิ้นที่ลิซ่านำมาวางขายส่วนใหญ่เป็นของแบรนด์เนมที่ตั้งขายในราคาย่อมเยา ตั้งแต่หลักร้อยไปจนหลักหมื่นบาท เพื่อให้แฟน ๆ สามารถเข้าถึงได้อีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์หรู Vivienne Westwood, Celine, Jimmy Choo, Balenciaga, Miumiu, Prada, Alexander Wang, Chrome Hearts, Acne Studios ตลอดจนแบรนด์สตรีทอย่าง Supreme, Adidas และอื่น ๆ อีกมากมาย
จากเสื้อผ้าชิ้นโปรดในตู้ลิซ่า ไปจนถึงการเลือกวินเทจของศิลปินทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อศิลปินระดับโลกอย่างลิซ่า ลุกขึ้นมาจุดประกายว่าเสื้อผ้ามือสองไม่ใช่ของเก่าไร้ค่า แต่คือเรื่องราว ความทรงจำ และโอกาสในการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ
เธอถือเป็นอีกหนึ่งคนดังที่นิยมใส่เสื้อผ้าวินเทจ และเป็นสาย Re-wear ที่กล้าใส่ชุดเดิมซ้ำในหลายโอกาส การจัดงานครั้งนี้นอกจากส่งต่อสไตล์และยังส่งสารชัดเจนว่าแฟชั่นที่ดีไม่จำเป็นต้องใหม่ ซึ่งสอดรับกับแนวโน้มระดับโลกที่ผู้บริโภครุ่นใหม่ตื่นตัวกับผลกระทบของอุตสาหกรรมแฟชั่นต่อสิ่งแวดล้อม และหันมาเลือกบริโภคอย่างมีความหมายมากขึ้น เทรนด์ Second-Hand Lover กลายเป็นพฤติกรรมที่น่าภูมิใจ ไม่ใช่เรื่องน่าเขินอายอีกต่อไป
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -