“FatFIRE” เทรนด์คนอยากเกษียณ แบบ “ราชา” ไม่หวังทำงานจนแก่ โหมเก็บเงินแบบสุดๆ

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

“FatFIRE” เทรนด์คนอยากเกษียณ แบบ “ราชา” ไม่หวังทำงานจนแก่ โหมเก็บเงินแบบสุดๆ

Date Time: 17 ก.ค. 2568 16:35 น.

Video

หุ้นถูกมีจริง! เลือกหุ้นปันผลและหุ้นเติบโตยังไงให้รวยในยุคนี้? | Thairath Money Night Stand EP.12

Summary

ภาพการทำงานหนักจนแก่ไม่มีใครอยากทำ! คนรุ่นใหม่กำลังมองหาชีวิตที่สมดุลและมีความหมาย "FatFIRE" อิสรภาพทางการเงินที่มาพร้อมการเกษียณเร็วแบบหรูหรา ด้วยการทุ่มเทออมและลงทุนอย่างหนักถึง 70% ของรายได้ เพื่อชีวิตหลังเกษียณที่มั่งคั่งและมีอิสระอย่างแท้จริง แม้ต้องแลกมาด้วยการเสียสละไลฟ์สไตล์ปัจจุบัน แต่ผลลัพธ์คือความมั่นคงและทางเลือกที่เหนือระดับ

Latest


ไม่มีใคร อยากทำงานไปจน “แก่” 

ในอดีตภาพของการทำงานหนักไปจนเกษียณ คือเรื่องปกติและเป็นความมั่นคงที่หลายคนใฝ่หา แต่วันนี้แนวคิดดังกล่าวได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หลายคนเริ่มตั้งคำถามถึงคุณค่าของการทำงานที่ไม่สิ้นสุด และมองหาทางเลือกใหม่ที่ทำให้ชีวิตมีความหมายมากกว่าแค่การทำงานไปวันๆ ดังนั้นคำพูดที่ว่า “ไม่มีใครอยากทำงานไปจนแก่” จึงไม่ใช่แค่การแสดงออกถึงความเบื่อหน่ายต่องาน แต่เป็นการสะท้อนถึงความปรารถนาที่จะมีชีวิตที่สมดุลมากขึ้น ได้ใช้เวลาและพลังงานไปกับสิ่งที่สำคัญจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการสานฝันในวัยเยาว์ การดูแลสุขภาพกายใจ การออกเดินทางท่องเที่ยว หรือแม้แต่การได้มีเวลาเป็นของตัวเองอย่างแท้จริง เป้าหมายไม่ใช่แค่การมีเงินมากพอ แต่คือ การมีเวลาและอิสระที่จะใช้ชีวิตในแบบที่เลือกเอง ไม่ต้องรอจนกระทั่งร่างกายไม่ไหวแล้วจึงจะได้หยุดพัก

จึงเป็นที่มาของเทรนด์ “FatFIRE” ซึ่งเป็นตัวย่อของคำว่า Financial Independence, Retire Early (อิสรภาพทางการเงิน, เกษียณเร็ว) โดยคำว่า Fat ในที่นี้หมายถึงเงินก้อนมหาศาลที่ต้องสะสมให้ได้เพื่อที่จะมีอิสรภาพทางการเงินและเกษียณตั้งแต่อายุยังน้อย

ทั้งนี้ FatFIRE คือแนวคิดที่ต่อยอดมาจาก FIRE (Financial Independence, Retire Early) โดยมีเป้าหมายคือการ เกษียณเร็วและใช้ชีวิตหลังเกษียณในระดับที่หรูหรากว่าค่าเฉลี่ย หัวใจสำคัญของ Fat FIRE ไม่ได้อยู่ที่การมีรายได้สูงลิ่วเพียงอย่างเดียว แต่คือ วินัยการออมและการลงทุนที่แข็งแกร่ง บวกกับไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะทำงานที่รัก ทำงานที่ชอบหรือไม่ แต่สนใจว่างานที่ทำจะสร้างรายได้ให้ตัวเองมากน้อยแค่ไหนมากกว่า 

ในขณะที่ผู้ที่มุ่งสู่ FIRE ทั่วไปอาจตั้งเป้าออมเงินประมาณ 50% ของรายได้ในแต่ละปี ชาว Fat FIRE กลับตั้งเป้าสูงกว่านั้น โดยอาจออมมากถึง 70% ของรายได้เลยทีเดียว การออมที่เข้มข้นขนาดนี้ บวกกับการลงทุนในสินทรัพย์ที่เน้นการเติบโต จะช่วยให้เงินออมงอกเงยและทบต้นไปเรื่อย ๆ ทำให้เป้าหมายการเกษียณที่มั่งคั่งอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม แน่นอนว่าการออมเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ย่อมต้องแลกมาด้วยการ เสียสละไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน ไปไม่น้อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ อิสรภาพทางการเงินที่แท้จริง ความยืดหยุ่น และทางเลือกที่มากขึ้นในชีวิตบั้นปลาย 

ดังนั้น FatFIRE จึงเป็นเส้นทางสำหรับผู้ที่มีความมุ่งมั่นและวินัยทางการเงินสูง ที่พร้อมจะทุ่มเทกับการออมและการลงทุนเพื่อแลกมาซึ่งชีวิตหลังเกษียณที่เหนือระดับ เพื่อเกษียณเร็วกว่ากำหนด แต่ยังคงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างหรูหราและสะดวกสบาย ไม่ต้องประหยัดมัธยัสถ์สุดโต่งเหมือนแนวคิด FIRE ทั่วไป โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ (Millennials และ Gen Z) มีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับการเกษียณเร็วและเก็บเงินเก่ง มากกว่าคนรุ่นก่อน ๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็มีบางกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเพื่อความสุขในปัจจุบัน (Soft Saving) ด้วยเช่นกัน

คุณสมบัติหลักของ FatFIRE

  • เน้นการสร้างรายได้สูง: คนที่อยู่ในแนวคิด FatFIRE มักจะเลือกทำงานที่ให้ผลตอบแทนสูง เพื่อที่จะสามารถเก็บเงินได้จำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น

  • เป้าหมายเงินเก็บที่สูงกว่า: แตกต่างจาก FIRE ทั่วไปที่อาจเน้นการประหยัดค่าใช้จ่ายและใช้ชีวิตอย่างพอเพียง FatFIRE ต้องการเงินเก็บที่มากพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในวัยเกษียณได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป

  • เน้นการลงทุนและ Passive Income: เพื่อให้เงินทำงานแทนและสร้างผลตอบแทนที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและไลฟ์สไตล์ที่ต้องการในวัยเกษียณ

  • ยังคงไลฟ์สไตล์ปกติ: แม้จะมุ่งมั่นเก็บเงินอย่างหนัก แต่คนกลุ่มนี้ก็ยังคงรักษามาตรฐานการใช้ชีวิต ไม่ได้ลดทอนคุณภาพชีวิตในปัจจุบันลงไปอย่างมาก

  • เกษียณเร็ว: เป้าหมายหลักคือการเกษียณในวัย 30-50 ปี เพื่อมีเวลาไปทำสิ่งที่รัก ท่องเที่ยว หรือใช้ชีวิตตามที่ต้องการ

การตระหนักรู้ทางการเงินที่เร็วขึ้น

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลพบว่า Gen Z เริ่มต้นการออมเงินเร็วกว่าคนรุ่นก่อน ๆ โดย 70% ของ Gen Z เริ่มเก็บเงินตั้งแต่อายุ 20 ปี ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินและเครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น

ความท้าทายที่ FatFIRE อาจเผชิญ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเทรนด์ FatFIRE ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ เพราะอาจต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นและค่าแรงที่คงที่ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ที่อยู่อาศัย การศึกษา และการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การออมเงินเป็นเรื่องที่ท้าทาย

ขณะเดียวกัน ภาระหนี้สิน โดยเฉพาะหนี้เงินกู้เพื่อการศึกษาที่สูงขึ้น ทำให้คนรุ่นใหม่บางส่วนต้องจัดลำดับความสำคัญในการชำระหนี้ก่อนการออมเพื่อเกษียณ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความผันผวนของตลาดแรงงานและเศรษฐกิจโลกทำให้บางคนรู้สึกว่าการวางแผนระยะยาวเป็นเรื่องยาก และหันมาใช้ชีวิตเพื่อปัจจุบันมากขึ้น (Soft Saving)

ดังนั้นโดยรวมแล้ว แม้ว่า FatFIRE จะถือเป็นการการเร่งทำงานหนัก เก็บเงินให้ได้มากที่สุดโดยไม่สนใจอาชีพ และลงทุนอย่างชาญฉลาด เพื่อที่จะเกษียณได้เร็วและมีเงินใช้ชีวิตแบบสบายๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเงินในอนาคตก็ตาม แต่ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยรอบด้านที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้

อ้างอิง Forbe , กรุงศรี


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ