ถอดรหัสการเงินนอกกรอบสไตล์ "ดิว วีรวัฒน์" ชี้ทางให้คนรุ่นใหม่ เริ่มจากค้าขายทำเงินก่อน แล้วนำกำไรมาต่อยอดในหุ้น Capital Gain ที่โตไวกว่า
ในยุคที่ทุกคนมองหา "ทางลัด" สู่ความมั่งคั่ง คำแนะนำด้านการลงทุนมักเต็มไปด้วยทฤษฎีที่ซับซ้อน แต่สำหรับ ดิว - วีรวัฒน์ วลัยเสถียร นักธุรกิจและนักลงทุนผู้มากประสบการณ์ที่มาแบ่งปันความรู้ในงาน Thairath Money Campus Tour 2025 ณ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กลับมอบมุมมองที่ "ตรงไปตรงมา" และ "จับต้องได้" สรุปเป็นแนวทางสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากสร้างตัวให้เร็วและมั่นคง
ดิว วีรวัฒน์ เริ่มต้นด้วยการเปรียบเทียบการลงทุนที่หลายคนสนใจอย่างอสังหาริมทรัพย์ โดยมองว่าหากเป็นนายหน้าซื้อมาขายไป (ซื้อเก่า-รีโนเวท-ขายต่อ) โอกาสทำกำไรเร็วมีน้อย และต้องอาศัยจังหวะที่ดีจริงๆ ส่วนการลงทุนสร้างใหม่ตั้งแต่ต้นนั้นใช้เวลานาน (8-24 เดือน) ทำให้ต้นเงินทุนจมไปกับการพัฒนาโครงการ ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการสภาพคล่อง
ในขณะที่การลงทุนในหุ้น มีความเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยชี้ให้เห็นว่า "บางทีซื้อเช้าขายบ่าย ซื้อบ่ายขายเช้าพรุ่งนี้" อย่างไรก็ตาม สามารถแบ่งนักลงทุนออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. มือใหม่ปั้นพอร์ต การลงทุนหุ้นเพื่อหวังผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) คือคำตอบ ไม่ใช่หุ้นปันผล สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่ต้องการ "ปั๊มเงิน" ให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ต้องมุ่งไปที่การเก็งกำไรส่วนต่างราคา เพราะการเติบโตของราคามีโอกาส "เด้ง" หรือเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวได้ในระยะเวลาไม่นาน
2. คนที่มีกำลังทรัพย์พอสมควร เหมาะกับหุ้นปันผล (Dividend Stock) เช่น มีกิจการหรือกระแสเงินสดเข้ามาสม่ำเสมอ และต้องการนำ "เงินเหลือ" ไปลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนชนะดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร (ซึ่งต่ำเพียง 1-2%) โดยหุ้นปันผลสามารถให้ผลตอบแทนได้ตั้งแต่ 3-9% ขึ้นอยู่กับความเสี่ยง
"ถ้าคุณเป็นคนที่เริ่มใหม่ อยากปั๊มเงินเร็วๆ ควรจะเล่น Capital Gain เพราะ Dividend Stock (หุ้นปันผล) ไม่ได้ทำให้คุณรวย"
ดิว เล่าว่า เคยซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์สนามบินสมุยด้วยเงิน 300 ล้านบาท ตอนนั้นเป้าหมายหลักคือเงินปันผลปีละ 28 ล้านบาท แต่ 1 ปีผ่านไป พบว่าราคาหุ้นพุ่งจาก 9 บาท ไปที่ 27 บาท ทำให้สร้างผลตอบแทนได้หลัก 1,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองการลงทุนที่ตรงไปตรงมาของ ดิว วีรวัฒน์ เขาปฏิเสธความเชื่อในการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค โดยย้ำว่าในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครสามารถซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำที่สุด และขายได้ในราคาสูงที่สุด
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเชื่อว่าความรู้ด้านการลงทุน ควรเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ฟรี ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ และตั้งคำถามต่อนักลงทุนรุ่นใหม่ให้ฉุกคิดก่อนจะเชื่อ "กูรู" คนไหนว่า "เขารวยเพราะเล่นหุ้น หรือรวยเพราะสอนเล่นหุ้น?"
ดิว วีรวัฒน์ ให้คำแนะนำสำหรับนักศึกษาที่เตรียมจะก้าวสู่เส้นทางการทำงาน 2 เส้นทางหลัก คือ
ดิว เน้นย้ำว่า การหาเงินมักจะต้อง "ฝืนใจ" ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ เพราะการทำงานคือการทำสิ่งที่ซ้ำๆ และน่าเบื่อเพื่อสร้างรายได้ ดังนั้น ให้เริ่มจากสิ่งที่ "ถนัด" ก่อน เพราะมันจะสร้างเงินได้จริง ส่วนสิ่งที่ "รัก" หากยังไม่สามารถทำเงินได้ อาจยังไม่ตอบโจทย์ในระยะแรก
นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำว่าการเข้ามาของโลกออนไลน์ในปัจจุบัน มีบทบาทอย่างมากในการทำธุรกิจ และได้เปลี่ยนวิถีการค้าไปโดยสิ้นเชิง โดยยกตัวอย่างจากความสำเร็จที่หนังสือของเขาพิมพ์ซ้ำถึง 19 ครั้ง ไม่ใช่เพราะดีกว่าคนอื่น แต่เพราะออกมาถูกจังหวะที่ TikTok Shop กำลังเป็นที่นิยม ทำให้เกิดการขายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก
ท้ายที่สุด ดิว ได้ให้แนวทางการสร้างความมั่งคั่งที่ทำได้จริงไว้ว่า หากวันนี้มีเงินสักก้อนหนึ่ง อาจเริ่มจากการทำธุรกิจที่สามารถสร้างกระแสเงินสดและทำเงินได้ เมื่อมีกำไรจากการค้าขายแล้ว ค่อยนำเงินนั้นมาต่อยอดลงทุนใน "หุ้น Capital Gain" เพื่อปั้นพอร์ตให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
แนวคิดของ ดิว วีรวัฒน์ อาจสวนกระแสตำราการเงินหลายเล่ม แต่ก็เป็นมุมมองที่มาจากประสบการณ์จริงของผู้ที่ประสบความสำเร็จในสนามธุรกิจและการลงทุน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่น่าสนใจสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างอนาคตทางการเงินด้วยตัวเอง