“ค่าครองชีพยุค AI”  บิลใหม่ชนชั้นกลางยุคดิจิทัล 1 เดือนต้องจ่ายเท่าไหร่เพื่อเทคโนโลยี?

Personal Finance

Financial Planning

พิมพ์ชญา ภมรพล

พิมพ์ชญา ภมรพล

Tag

“ค่าครองชีพยุค AI” บิลใหม่ชนชั้นกลางยุคดิจิทัล 1 เดือนต้องจ่ายเท่าไหร่เพื่อเทคโนโลยี?

Date Time: 20 ส.ค. 2568 11:08 น.

Video

หุ้นถูกมีจริง! เลือกหุ้นปันผลและหุ้นเติบโตยังไงให้รวยในยุคนี้? | Thairath Money Night Stand EP.12

Summary

ขณะที่ค่าครองชีพพื้นฐานก็ยังสูงขึ้น มนุษย์เงินเดือนและเด็กรุ่นใหม่กลับต้องเผชิญกับบิลใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในตารางค่าใช้จ่ายแบบเดิมๆ ยุคนี้ค่าใช้จ่ายเพื่อเข้าถึง ‘เทคโนโลยี’ กลายเป็นต้นทุนใหม่ของการดำรงชีพ และการกันงบส่วนหนึ่งไว้สำหรับเทคโนโลยีจึงไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่เป็น “ต้นทุนเพื่อความอยู่รอด”

Latest


สมัยก่อนชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา การจัดสรรค่าใช้จ่ายให้พออยู่ได้ในแต่ละเดือน นอกเหนือการแบ่งเงินไว้สำหรับเรื่องไม่คาดคิดแล้วก็เป็นไปเพื่อดำรงชีพ ซึ่งเสียให้กับ 4 อย่างหลักๆ ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าน้ำ-ไฟ หรืออย่างมากสุดที่จ่ายให้กับ ค่าสัญญาณมือถือ ค่าบริการอินเทอร์เน็ต…ที่กลายเป็นเหมือนตั๋วเข้าสู่โลกไร้พรมแดน 

ค่าบริการเสริม ที่เคยถูกมองว่าเป็นของฟุ่มเฟือย ไม่นานก็กลายเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ แต่ทุกวันนี้ ปัจจัยเหล่านั้นไม่ใช่คำตอบเพื่อชีวิตทั้งหมดอีกต่อไป

เพราะ เมื่อรู้จัก ChatGPT บิลฉันก็เพิ่มขึ้น…

เรากำลังอยู่ในยุคที่ค่าใช้จ่ายเพื่อเข้าถึง ‘เทคโนโลยี’ กลายเป็นต้นทุนใหม่ของการดำรงชีพ ค่า Subscription แอปฯ ค่าปลดล็อกฟีเจอร์พรีเมียม ค่าพื้นที่ Cloud เก็บข้อมูล หรือแม้กระทั่งค่าอุปกรณ์ที่ต้องอัปเกรดเพื่อเข้าถึงประสิทธิภาพสูงสุด 

เรียกได้ว่า “ค่าครองชีพยุค AI” กลายเป็นด่านบังคับของโลกการทำงานหรืออีกนัยที่ “ค่าเทคโนโลยี” เหล่านี้ได้กลายเป็นบิลใหม่ที่มนุษย์เงินเดือนแทบจะเลี่ยงไม่ได้ เพราะในโลกการทำงานทุกวันนี้ ใครเข้าถึงเครื่องมือที่ทันสมัยกว่า ย่อมได้เปรียบกว่า

คนใช้ AI เร็วกว่าปิดงานได้ไวกว่า คนใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเก่งกว่าสร้างคุณค่ามากกว่า จนหลายคนตั้งคำถามกับตัวเอง คนทั่วไปอย่างเราต้องจ่ายค่าครองชีพพื้นฐาน แต่ไม่ลงทุนกับค่าเทคโนโลยีจะเสี่ยงตกขบวนตามเขาว่ามั้ย ? ไม่แปลกที่บางคน การกันงบส่วนหนึ่งไว้สำหรับเทคโนโลยีจึงไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่เป็น “ต้นทุนเพื่อความอยู่รอด”

มาดูตัวเลขจริงกันบ้างว่าเฉพาะ “ค่าเทคโนโลยี”  คร่าวๆ ที่คนทำงานยุค AI ต้องเผชิญอยู่ที่เท่าไหร่ 

ChatGPT Plus เริ่มต้น 720 บาท/เดือน 

Claude Max เริ่มต้น 3,250 บาท/เดือน 

Google AI Ultra  เริ่มต้น 9,400 บาท/เดือน 

Perplexity AI Pro เริ่มต้น 650 บาท/เดือน 

Otter.AI Pro Plan  เริ่มต้น 270 บาท/เดือน 

Notion Plus Plan  เริ่มต้น 320 บาท/เดือน 

Midjourney  เริ่มต้น 330 บาท/เดือน  

Adobe Pro เริ่มต้น 1,425 บาท/เดือน

Canva Pro เริ่มต้น 229 บาท/เดือน

iCloud 50GB เริ่มต้น 35 บาท/เดือน

Netflix Premium Plan เริ่มต้น 419 บาท/เดือน

Youtube Premium เริ่มต้น 179 บาท/เดือน

Spotify Premium เริ่มต้น  149 บาท/เดือน

หากเลือกใช้งานจริงจังเพียง 2-3 ตัว สมมติ ChatGPT Plus, Canva Pro, Notion รวมกับ สตรีมมิ่งและคลาวด์เล็กน้อย ค่าใช้จ่ายก็ปาเข้าไป 2,000 กว่าบาท รวมแล้วลองคำนวณออกมาเป็นยอดกลมๆ ค่าใช้จ่ายแต่ละคนอาจตกอยู่ที่ 1,500-3,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถ้าคิดเป็นสัดส่วนกับรายได้พนักงานออฟฟิศไทยทั่วไป (25,000–35,000 บาท/เดือน) เท่ากับว่า 5–10% ของเงินเดือน กำลังถูกกันไว้เพื่อ “ค่าเทคโนโลยี” หรือมากไปกว่านั้นบางคนที่จำเป็นต้องใช้เต็มรูปแบบทั้งงานเอกสาร ภาพ วิดีโอ และคอนเทนต์ออนไลน์ ค่าใช้จ่ายรวมของค่าเทคโนโลยีเอาจพุ่งแตะ 5,000-7,000 บาทต่อเดือนได้ไม่ยาก

มนุษย์เงินเดือนยุค AI ต้องจ่าย 10% ของรายได้

ขณะที่ค่าครองชีพพื้นฐานก็ยังสูงขึ้น มนุษย์เงินเดือนและเด็กรุ่นใหม่ยุคนี้ต้องเผชิญกับบิลใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในตารางค่าใช้จ่ายแบบเดิมๆ นี่ยังไม่นับความกดดันของนายจ้างและสังคมทุนนิยมสมัยใหม่ ที่คาดหวังประสิทธิภาพชั้นยอดจากการทำงาน เมื่อโยนเครื่องมือ AI ให้พนักงานในองค์กร

“อยากทำงานให้เร็วขึ้น ต้องมี ChatGPT Plus อยากจัดการโปรเจกต์ให้มีประสิทธิภาพ ต้องพึ่ง Notion AI”  

ปัญหา คือ เทคโนโลยีเหล่านี้กำลังกลายเป็นด่านบังคับของ “มนุษย์เงินเดือนยุค AI” หรืออีกในสถานภาพของพวกเรา “ชนชั้นกลางยุคดิจิทัล” คนที่ไม่จ่ายเท่ากับทำงานช้ากว่า เสียโอกาส หรือคนที่เลือกจ่ายแต่ต้องยอมแบกภาระเพิ่ม แม้รายได้จะไม่ได้โตตาม 

ตกลงแล้วเราจ่ายเงินเพื่อเพิ่มโอกาสหรือแค่ภาระซ้อนทับใหม่กันนะ สิ่งนี้สะท้อนให้เราเห็นชัดถึงผลลัพธ์ของความเหลื่อมล้ำรูปแบบใหม่ที่ไม่ได้วัดกันแค่ใครมีเน็ต แต่คือ ใครมีเงินจ่ายค่า AI รายเดือน คือ คนที่เข้าถึงได้ โตไวกว่า คนที่ไม่มีทุนก็เสี่ยงถูกทิ้งไว้ข้างหลัง 

แล้วเราจะอยู่กับค่าเทคโนโลยีนี้อย่างไร?

“ถ้าหนีไม่ได้ ก็ต้องวางแผนรับมือให้ฉลาดกว่า” ผู้เขียนในฐานะมนุษย์เงินเดือนที่พยายามหาที่ทางให้กับตัวเองเช่นเดียวกัน พอจะสรุปทางออกง่ายๆ ได้ดังนี้ 

อันดับแรก ให้คิดเหมือนลงทุน ไม่ใช่แค่จ่าย การเลือกใช้เทคโนโลยีหรือโปรแกรมให้เน้นเฉพาะเครื่องมือที่ช่วยต่อยอดงาน เพิ่มทักษะ หรือสร้างรายได้จริงๆ สอง ให้เริ่มต้นใช้เวอร์ชั้นทดลองใช้งานฟรีหรือ Free tier ให้คุ้ม เพราะ หลายบริการ AI มีเวอร์ชันฟรีหรือ Trial เช่น ChatGPT (ก่อนอัปเกรด), Microsoft Copilot Chat แบบฟรี (จำกัดฟีเจอร์) เพียงใช้ให้คุ้มก่อนค่อยตัดสินใจจ่ายเงินจริง

ต่อมาให้ลองวางแผนแชร์ทรัพยากร เพราะ Subscription หลายบริการสามารถใช้ร่วมกันเป็นทีม หารค่าใช้จ่ายเพื่อลดต้นทุนต่อหัวได้ อย่างไรก็ตามในระดับองค์กรหรือทีมที่ใหญ่พอสมควร บริษัท หรือนายจ้างควรพิจารณาให้ AI เป็นสวัสดิการ เช่น จัดซื้อ Copilot หรือ Subscription AI อื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อพนักงาน ทั้งเรื่องงานและประสิทธิภาพ เหมือนยุคหนึ่งที่บริษัทต้องติดตั้งคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตให้โต๊ะทำงานทุกโต๊ะ

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ โลกที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล การกันงบ 5–10% ของเงินเดือนอาจจะไม่ใช่ฟุ่มเฟือยอีกต่อไป แต่เป็นต้นทุนขั้นต่ำเพื่ออยู่รอดในชีวิตการทำงานในยุค AI หลังจากนี้  คำถามสำคัญที่เราอาจต้องถามตัวเอง คือ... เราควรถือว่านี่ คือ ค่าใช้จ่ายจำเป็น แบบเดียวกับค่าน้ำค่าไฟมั้ย หรือเท่าไหนที่จำเป็นเพื่อดำรงชีพต่อไปได้ในยุคนี้ 



ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

พิมพ์ชญา ภมรพล

พิมพ์ชญา ภมรพล
Technology & Digital Economy, Columnist of BrandStory