ใช้เงินให้สนุก - หยุดเปรียบเทียบ! บทเรียนจาก โอม Cocktail ทุกเป้าหมายเริ่มจากรายได้ต้องมั่นคง

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ใช้เงินให้สนุก - หยุดเปรียบเทียบ! บทเรียนจาก โอม Cocktail ทุกเป้าหมายเริ่มจากรายได้ต้องมั่นคง

Date Time: 2 ก.ย. 2568 16:47 น.

Video

อธิบาย Palantir ทำธุรกิจอะไรกันแน่ ? บริษัทแปลกๆ ที่อยู่ดีๆก็ดัง | Digital Frontiers EP.45

Summary

อ่านมุมมองด้านการเงินของ “โอม Cocktail” ทั้งชีวิตส่วนตัวและการบริหารจัดการ “เงิน” ของวงดนตรี ซึ่งต้องพร้อมรับมือทุกความเสี่ยงและความเปลี่ยนแปลงที่เราอาจไม่คาดคิด

“เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง แต่ทุกอย่างต้องใช้เงิน”

นี่คือคำพูดของ โอม Cocktail หรือ ปัณฑพล ประสารราชกิจ นักร้องคนดังและผู้บริหารค่ายเพลง ที่จะมาเล่าประสบการณ์ชีวิตในเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้ทุกคนฟังผ่านเวทีของ Thairath Money Campus Tour 2025 ณ อาคารมหิตลาธิเบศร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จุดเริ่มต้นแนวคิด “เรื่องเงินต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้”

ถ้าถามว่าโอม Cocktail เริ่มคิดเรื่องการเงินตั้งแต่เมื่อไรนั้น จุดเริ่มต้นของเขาเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย แม้ว่าเขาจะเติบโตมาในครอบครัวที่ประสบความสำเร็จสูงทั้งการศึกษาและอาชีพการงาน แต่เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกกดดันและอยากจะเริ่มต้นพึ่งพาตัวเองให้มากกว่าเดิม

สิ่งหนึ่งที่อาจเป็นแรงผลักดันให้โอมรู้สึกว่า เขาต้องเริ่มหาเงินด้วยตัวเองนั้นมาจากความรู้สึกผิดและละอายใจที่เขาเคยเกือบถูกรีไทร์ในช่วงมหาวิทยาลัยปีที่ 2 ซึ่งถ้าเขาถูกรีไทน์จริง ย่อมหมายถึงเงินที่พ่อแม่หามาเพื่อส่งเขาร่ำเรียน ไม่ว่าจะเป็นค่าเทอม หรือค่าใช้จ่าย 2,000 บาท/สัปดาห์ และอื่นๆ เงินเหล่านั้นจะสูญเปล่าทันที

จากความละอายและความรู้สึกผิดนั้นทำให้เขาตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราจะหาเงินอย่างไร เพื่อไม่พึ่งพาพ่อแม่หรือแม้แต่มรดกของครอบครัว และนั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยนเรื่องการเงิน ว่าเขาจะเรียนหรือค้นคว้าความรู้ด้านไหนเพื่อมาสร้างเงินให้เพียงพอกับตนเอง

หารายได้เพื่อความมั่นคง

ในด้านประสบการณ์ทำงาน โอม เล่าว่าเคยทำงานเป็นผู้ช่วยอาจารย์เป็นระยะเวลา 1 ปี ได้รับเงินเดือน 12,550 บาท ซึ่งแต่ละครั้งที่เขาถอนเงินออกมาใช้จะมีเงินเหลือติดบัญชีเพียง 50 บาท ซึ่งถอนมาใช้ไม่ได้ (เพราะ ATM ต้องถอนขั้นต่ำ 100 บาท)

ต่อมาเขาเริ่มเส้นทางอาชีพนักดนตรี ซึ่งจะได้รับค่าตอบแทน (หลังหักค่าใช้จ่าย) ราว 2,500-2,700 บาทต่องาน และเมื่อได้เซ็นสัญญากับค่ายดนตรีและเป็นนักร้องอาชีพแล้ว เหมือนเส้นทางการเงินจะราบรื่นขึ้น แต่ทว่าจากค่าตอบแทนของวงที่ 40,000 บาทต่องาน เมื่อต้องหารเฉลี่ยกับสมาชิก 4 คน รวมถึงหักค่าใช้จ่ายแล้ว ตัวเขาจะเหลือรายได้ส่วนตัวประมาณ 2,000 กว่าบาทเท่านั้น เพื่อให้มีรายได้ในการใช้ชีวิต เขาจึงต้องรับงานถึง 10 งานต่อเดือนเพื่อให้มีรายได้ถึง 20,000 บาทในช่วงสิ้นเดือน

ดังนั้น จากประสบการณ์ที่เขาเริ่มต้นทำงานทำให้เขาเริ่มคิดว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ การสร้างรายได้ให้ “มั่นคง” สม่ำเสมอก่อนที่จะต่อยอดไปสู่การออม การลงทุน และการบริหารความเสี่ยง

Cocktail รับมือความเสี่ยงด้วยเงินกองกลาง

ถ้าพูดถึงการบริหารเงินของวง Cocktail โอมเล่าว่า วงนี้จะมีกองทุนซึ่งเป็นเสมือนเงินกองกลางไว้รองรับความเสี่ยงจากอาชีพนักดนตรีที่รายได้นั้นมีขึ้นมีลง หรือขึ้นอยู่กับกระแสนิยมที่เกิดขึ้น ยิ่งตัวโอมเองเป็นคนร่างกายไม่แข็งแรง อาจเป็นข้อจำกัดด้านเวลาว่า เขาจะสามารถสร้างรายได้ หรือออมให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร ซึ่งทางออกที่เขาคิดไว้คือ การตั้งกองทุนของวง มาเป็นตัวช่วย

กองทุนของวง Cocktail เริ่มจากการหักเงิน 20% จากรายได้ทั้งหมดไว้ เสมือนมี "สมาชิกคนที่ห้า" อยู่ในวง ซึ่งสมาชิกทุกคนต่างเห็นพ้องกันว่า นี่จะเป็นผลประโยชน์ร่วมกันในระยะยาว โดยยอดเงินออมอาจเพิ่มขึ้นตาม “ค่าตอบแทน” ที่วงได้เพิ่มมากขึ้น

ความสำคัญของเงินกองกลางนี้เห็นได้ชัดที่สุดคือในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่วงต้องหยุดงานไปเกือบ 2 ปี กองทุนนี้จึงกลายเป็นเบาะรองรับทางการเงิน ที่สามารถจ่ายเงินเดือนให้ทีมงานทุกคน และสร้างรายได้ขั้นพื้นฐานให้สมาชิกวงได้อย่างต่อเนื่อง

ถ้าถามว่าตอนนี้กองทุนของวง Cocktail มีเงินเท่าไร? โอมเล่าว่า เงินก้อนนี้เพียงพอที่จะดูแลสมาชิกไปได้อีกราว 12-15 ปี หรือจนกว่าพวกเขาจะอายุ 52-55 ปี โดยที่สมาชิกในวงไม่จำเป็นต้องทำงาน ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ถึงพลังของการวางแผนและความไม่ประมาท และเงินก้อนนี้ยังสร้างรายได้ต่อไปแม้วันที่วง Cocktail อาจพักไป

สุดท้ายนี้ โอมยังเน้นย้ำอีกว่า เราทุกคนควร "ใช้เงินให้สนุก" โดยไม่ต้องกังวลว่าอนาคตจะลำบาก สิ่งสำคัญคือ เราต้องรู้ตัวเองว่าเราต้องการใช้เงินเท่าไร เพื่อนำมาสร้างเป้าหมายในการหารายได้ให้สอดคล้องกับความต้องการ

และสิ่งสำคัญที่สุดคือการหยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เพื่อให้เราได้มองเห็นความต้องการที่แท้จริงของตนเอง อันจะนำไปสู่ความสุขที่เกิดจากการใช้เงินอย่างมีความหมาย และมีรายได้มากเท่ากับที่เราต้องการใช้เงิน

“ผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าตัวเองอยากใช้เท่าไร และรู้จักตัวเองดีพอที่จะรู้ว่าจะหามันมาได้อย่างไร อยากให้ทุกคนเลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น แล้วมองความต้องการของตัวเองจริงๆ โดยไม่เอาคนอื่นมาเป็นปัจจัยกับเรามากนัก จะได้มีความสุขกับการใช้เงินจริงๆ ครับ" โอม Cocktail กล่าว


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ