เศรษฐกิจและหนี้นอกระบบของไทย

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เศรษฐกิจและหนี้นอกระบบของไทย

Date Time: 9 ก.ย. 2568 04:00 น.

Summary

ไทยติดกับดักการเป็นประเทศรายได้ปานกลางมานานมากกว่า 3 ทศวรรษ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 5% ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ปี 2568 คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตประมาณ 2% เมื่อรวมกับปัจจัยลบหลากหลายด้าน

Latest

อยากเกษียณก่อน 60 ปี เปิด 5 กลยุทธ์วางแผนการเงิน ที่ช่วยสร้างอิสระชีวิตเร็วขึ้น วัยไหนก็เริ่มได้!

ไทยติดกับดักการเป็นประเทศรายได้ปานกลางมานานมากกว่า 3 ทศวรรษ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 5% ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ปี 2568 คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตประมาณ 2% เมื่อรวมกับปัจจัยลบหลากหลายด้าน อาทิ การเมืองที่ไม่แน่นอน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก ตลอดจนการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกา ทำให้เศรษฐกิจไทยโดนแซงหน้า

ต่อเรื่องนี้ ผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทยและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย แสดงความเห็นว่า ระหว่างปี 2569-2573 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่เฉลี่ย 2.1% เมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยของโลกที่ 3.1%, อาเซียน 3.6%, มาเลเซีย 4%, อินโดนีเซียและเวียดนาม 5%, ฟิลิปปินส์ 6.1% และอินเดีย 6.5% ไทยอยู่รั้งท้าย

นอกจากความพยายามในการขยายตลาดส่งออก ลดความเสี่ยงต่อการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาวแล้ว การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจยังเป็นทางออกที่ไทยไม่สามารถพลาดโอกาสได้อีกแล้ว และ 1 ในหนทางทั้งหมดคือการทำให้เศรษฐกิจนอกระบบของไทยขยับขึ้นมาเป็นเศรษฐกิจในระบบ

ข้อมูลของธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ สำนักงานสถิติแห่งชาติ สสว.และกรมสรรพากร พบว่า เศรษฐกิจนอกระบบของไทยมีขนาดใหญ่มาก คิดเป็นสัดส่วน 48% ของจีดีพี เทียบกับ 14% ของเวียดนาม, 30% ของมาเลเซีย, 18% ของอินโดนีเซีย, 40% ของฟิลิปปินส์ และ 26% ของเกาหลีใต้

เศรษฐกิจนอกระบบครอบคลุมกิจกรรม ตั้งแต่ร้านค้ารายย่อยผู้ค้าออนไลน์ แรงงานนอกระบบประกันสังคม หาบเร่แผงลอย มอเตอร์ไซค์รับจ้าง โรงแรมที่ไม่ได้รับใบอนุญาต หนี้นอกระบบ หวยใต้ดิน ธุรกิจสีเทา เช่น ค้ายาเสพติด พนันออนไลน์ ประเทศไทยมีแรงงานนอกระบบ 53% หรือเกินครึ่งหนึ่ง มีคน 11-12 ล้านคนที่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีคนเสียภาษี 4 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 71 ล้านคน

เวิลด์แบงก์ประเมินว่า เศรษฐกิจนอกระบบทำให้เกิดความท้าทายมากมาย ตั้งแต่รายได้ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าศักยภาพ, ความยากจนและความเหลื่อมล้ำสูง, การกำกับดูแลที่ด้อยกว่า, ผลิตภาพในระดับต่ำกระทบความสามารถในการรับมือกับปัญหาของประเทศนั้นๆ นำไปสู่ความอ่อนแอต่อการบังคับใช้กฎหมาย การคอร์รัปชันในวงกว้าง และอาจกระทบต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทจากการเข้า-ออกนอกประเทศของเงินบาท ที่ไม่สามารถตรวจสอบร่องรอยได้ นอกจากนั้น เศรษฐกิจนอกระบบยังเกี่ยวพันแยกไม่ออกจากหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของสังคมไทยมาอย่างยาวนาน

จากการสำรวจหนี้นอกระบบไทย โดยความร่วมมือของคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและธนาคารกรุงไทยเมื่อเดือน พ.ย.2567 พบครัวเรือนไทย 78% มีหนี้ ขณะที่ 22% ไม่มีหนี้ ในจำนวน 78% ดังกล่าว 48% มีหนี้ทั้งในและนอกระบบ ส่วนที่มีหนี้ในระบบอย่างเดียว 38% และหนี้นอกระบบอย่างเดียว 14% โดยนิยามหนี้จากการสำรวจในครั้งนี้ครอบคลุมหนี้ที่ต้องคืนทุกประเภทแม้ไม่มีดอกเบี้ย

งานวิจัยชิ้นนี้พบว่า หนี้นอกระบบอาจมีมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท หรือ 13% ของหนี้ครัวเรือนรวม สูงกว่าที่หน่วยงานราชการประเมินไว้ ลูกหนี้ส่วนใหญ่อยู่ในแรงงานนอกระบบ เป็นพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย เกษตรกร ผู้มีรายได้ไม่แน่นอน ไม่ผ่านเกณฑ์กู้เงินจากธนาคาร โดยวัตถุประสงค์ของการกู้ ไม่ได้เพื่อการใช้จ่ายเกินตัวตามความเข้าใจของคนอื่นเสมอไป แต่ส่วนใหญ่ 70% ของหนี้นอกระบบ เป็นการกู้เพื่อประกอบธุรกิจขนาดเล็ก ผ่อนรถ เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว

และยังมีความซับซ้อน เช่น มีการกู้เงินในระบบมาใช้หนี้นอกระบบหรือกลับกัน, เจ้าหนี้นอกระบบบางรายปล่อยกู้โดยอิงตามความสามารถของลูกหนี้ในการกู้เงินในระบบ, การเป็นทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ โดยกู้เงินนอกระบบมาปล่อยกู้ให้ลูกหนี้นอกระบบอีกทอด ส่วนเวลาจะจ่ายดอกเบี้ย ลูกหนี้ 79% จะเลือกจ่ายหนี้นอกระบบก่อน กลัวที่พึ่งแหล่งสุดท้ายหายไปเพราะเงินกู้นอกระบบมีความยืดหยุ่น เข้าถึงง่ายกว่า ส่วนหนี้ในระบบยอมปล่อยให้ธนาคารฟ้อง หรือรอรัฐบาลช่วยเหลือ รอลดค่าปรับ

ในมุมของธนาคารพาณิชย์และผลกระทบต่อเสถียรภาพการเงิน หนี้นอกระบบที่ไม่มีข้อมูล หลักฐานเหล่านี้ทำให้การประเมินเพื่อปล่อยสินเชื่อผิดพลาดได้ และเมื่อลูกหนี้มักเลือกชำระดอกเบี้ยของหนี้นอกระบบก่อน ทำให้หนี้เสียในภาคธนาคารสูง ลดลงได้ยาก หากหนี้นอกระบบเติบโตไปเรื่อยๆ จะกระทบกำลังซื้อของประชาชนในระยะยาว กรณีมีการชำระหนี้ ก็แค่การเปลี่ยนมือของเงินเท่านั้น ไม่เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ

เรื่องนี้ ผยง ศรีวณิช มีทางออก นอกจากการช่วยเหลือจากภาครัฐผ่านมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” แล้ว 1 ในหลายทางออกคือต้องทำให้เศรษฐกิจนอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบ โดยเขาประเมินว่า หากเศรษฐกิจนอกระบบของไทยลดลงจาก 48% ของจีดีพี ลงมาเหลือสัก 35% เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นทันที

วิธีการคือการใช้นโยบายสวัสดิการ Negative Income Tax หรือที่กระทรวงการคลังตั้งชื่อให้เข้าใจง่ายๆว่า “เงินโอนแก้จน คนขยัน” คาดว่าจะนำมาใช้ภายในปี 2570 หลักการคือให้ประชาชนทุกคนต้องยื่นแบบภาษี ถ้ารายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี ส่วนหากไม่ถึงเกณฑ์จะได้รับสวัสดิการช่วยเหลือจากรัฐแทน นอกจากนำเศรษฐกิจนอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบแล้วยังเป็นการช่วยเหลือคนที่รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ได้ตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น.

ศุภิกา ยิ้มละมัย

คลิกอ่านคอลัมน์ “The Issue” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ