LINE MAN Wongnai ปลุกเศรษฐกิจเมืองรอง “นครพนม” พลิกเกมสู่เมืองโอกาส ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล

Tech & Innovation

Digital Transformation

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

LINE MAN Wongnai ปลุกเศรษฐกิจเมืองรอง “นครพนม” พลิกเกมสู่เมืองโอกาส ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล

Date Time: 4 พ.ย. 2568 18:39 น.

Video

SAWAKAMI บลจ.ญี่ปุ่นบุกไทย | BrandStory Exclusive EP.26

Summary

นครพนมกำลังถูกยกระดับเป็นเมืองรองดาวรุ่งของภาคอีสานเมื่อแพลตฟอร์มดิจิทัลและนวัตกรรมผสานกับทุนท้องถิ่น ทำให้เกิดโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ บริการ LINE MAN ครอบคลุมกว่า 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีร้านค้าบนแพลตฟอร์มกว่า 1 ล้านแห่งและไรเดอร์กว่า 300,000 คน โดย GMV ของภูมิภาคเติบโตเฉลี่ยกว่า 16% ต่อปี ขณะที่จำนวนผู้ใช้งานใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 11% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยประเทศที่ราว 12% ผลลัพธ์ที่ชัดเจนคือรายได้ไรเดอร์บางคนแตะ 3,500 บาทต่อวัน สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำภูมิภาคราว 7 เท่า และเมนูยอดนิยมคือส้มตำ–ไก่ย่าง–ข้าวเหนียว นอกจากนี้ โครงการรัฐอย่าง "คนละครึ่ง" ช่วยผลักดันยอดสั่งผ่านแพลตฟอร์มเพิ่มกว่า 90% ขณะที่ร้านค้ายังคงมียอดขายสูงขึ้นเฉลี่ย 1.5 เท่าหลังสิ้นโครงการ ผู้ประกอบการท้องถิ่นและ YEC ร่วมกับแพลตฟอร์มจัดอบรมทักษะดิจิทัลและวางแผนผลักดัน Wellness Tourism ริมโขง แต่ยังเผชิญปัญหาโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ ขาดแพทย์ และการดึงดูดนักลงทุน จึงเรียกร้องมาตรการสนับสนุนด้านการแพทย์ การลงทุนและการส่งเสริมบริการสปา-นวด

Latest


นครพนมกำลังกลายเป็นหนึ่งใน "เมืองรองดาวรุ่ง" ที่น่าจับตามากที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยี เข้ามาผนวกทุนและศักยภาพของท้องถิ่น สามารถสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ได้  บนเวทีเสวนาหัวข้อ "นครพนม Next Chapter: พลิกเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล" ภายในกิจกรรม LINE MAN Wongnai Media FAM Trip จังหวัดนครพนม ได้รวบรวมผู้บริหารจากภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการรุ่นใหม่เข้าร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง ที่สะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่เป็น "ตัวคูณ" ที่ช่วยขยายศักยภาพของทุนท้องถิ่นให้เติบโตได้เร็วขึ้น

LINE MAN โตต่อเนื่องในอีสาน ดันรายได้ไรเดอร์แตะวันละ 3,500 บาท

อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ LINE MAN Wongnai เปิดเผยว่า บริการ LINE MAN ปัจจุบันครอบคลุมแล้วกว่า 20 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจังหวัดที่เติบโตสูงสุดคือ นครพนม อุดรธานี และขอนแก่น

ในปีที่ผ่านมา GMV (มูลค่าการสั่งซื้อรวม) ของภูมิภาคนี้เติบโตเฉลี่ยกว่า 16% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของทั้งประเทศที่ประมาณ 12% ขณะที่จำนวนผู้ใช้งานใหม่ในพื้นที่เพิ่มขึ้นกว่า 11% ต่อปี

"ภาคอีสานเป็นภูมิภาคที่เรามองว่าเป็น 'ตลาดเกิดใหม่' ของเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับการสั่งอาหารผ่านแอปมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะในตัวเมืองใหญ่ แต่ขยายไปถึงอำเภอรอบนอก" อิสริยะกล่าว

ข้อมูลที่น่าสนใจคือ ไรเดอร์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางพื้นที่ทำรายได้สูงสุดถึง 3,500 บาทต่อวัน ซึ่งรวมทั้งค่ารอบและโบนัสจูงใจ (Incentive) มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำในภูมิภาคที่อยู่ที่ราววันละ 480 บาท คิดเป็นมากกว่าถึง 7 เท่า สะท้อนบทบาทของแพลตฟอร์มดิจิทัลในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ให้กับคนท้องถิ่น

ปัจจุบัน LINE MAN Wongnai มีร้านค้าทั่วประเทศกว่า 1 ล้านร้าน และมีไรเดอร์กว่า 300,000 คน โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือถือเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุด

เมนูยอดนิยมของคนอีสานยังคงเป็น "ส้มตำ–ไก่ย่าง–ข้าวเหนียว" ที่ครองอันดับหนึ่งในยอดสั่งทั่วภูมิภาค ขณะที่เครื่องดื่มอย่าง "มัทฉะ–อเมริกาโน่" ก็มาแรงไม่แพ้กัน สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ใหม่ของผู้บริโภคในเมืองรอง

"เศรษฐกิจดิจิทัลจะไม่เกิดขึ้นแค่ในกรุงเทพฯ หรือหัวเมืองใหญ่ แต่กำลังเกิดขึ้นจริงในระดับจังหวัด และภาคอีสานคือตัวอย่างของการเปลี่ยนผ่านที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้" อิสริยะกล่าว

"คนละครึ่ง" ปลุกยอดขายร้านอาหารอีสาน โตพุ่งหลังจบโครงการ

LINE MAN Wongnai ยังเป็นแพลตฟอร์มที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินโครงการภาครัฐ เช่น "คนละครึ่ง" โดยร้านอาหารบนแพลตฟอร์มกว่า 75% เข้าร่วมโครงการ คิดเป็นสัดส่วนสูงสุดในตลาดเดลิเวอรีไทย

ในช่วงที่มีโครงการคนละครึ่ง ยอดสั่งผ่าน LINE MAN เพิ่มขึ้นกว่า 90% และหลังจบเฟส 5 พบว่า กว่า 40% ของร้านค้ายังคงมียอดขายสูงขึ้นกว่าเดิม 1.5 เท่า สะท้อนผลลัพธ์เชิงบวกที่ยั่งยืน

"เราพบว่าหลังสิ้นสุดโครงการคนละครึ่ง ลูกค้ายังคงกลับมาซื้อซ้ำ เพราะคุ้นเคยกับระบบดิจิทัลและช่องทางสั่งเดลิเวอรี ร้านค้าในท้องถิ่นเองก็พัฒนาเมนูและบริการให้ตอบโจทย์มากขึ้น" อิสริยะกล่าว พร้อมย้ำว่า LINE MAN ตั้งใจจะทำงานร่วมกับภาครัฐในโครงการลักษณะนี้ต่อไป เพื่อช่วยยกระดับ "เศรษฐกิจดิจิทัลระดับจังหวัด" ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

ชนนท์ กุลตั้งวัฒนา ประธาน YEC (Young Entrepreneur Chamber of Commerce) นครพนม
ชนนท์ กุลตั้งวัฒนา ประธาน YEC (Young Entrepreneur Chamber of Commerce) นครพนม

"ของดีนครพนม" สู่แบรนด์ท้องถิ่นยุคใหม่ พลังผู้ประกอบการรุ่นใหม่ YEC

ชนนท์ กุลตั้งวัฒนา ประธาน YEC (Young Entrepreneur Chamber of Commerce) นครพนม กล่าวถึงศักยภาพของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในพื้นที่ว่า การเข้ามาของแพลตฟอร์มเดลิเวอรีอย่าง LINE MAN ทำให้ร้านอาหารท้องถิ่นจำนวนมากสามารถเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งทำเลทองในเมืองอีกต่อไป

"ธุรกิจอาหารท้องถิ่นของนครพนมมีความหลากหลายมาก ทั้งอาหารเวียดนาม อาหารพื้นบ้าน และคาเฟ่ริมโขง แพลตฟอร์มเดลิเวอรีทำให้ร้านเล็ก ๆ เหล่านี้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นจากคนในจังหวัดใกล้เคียง เช่น สกลนคร มุกดาหาร หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวที่มาแล้วอยากสั่งกลับบ้าน" ชนนท์ กล่าว 

ในขณะเดียวกัน กลุ่ม YEC ยังทำงานร่วมกับ LINE MAN เพื่อช่วยอบรมทักษะดิจิทัลและการตลาดออนไลน์ให้ผู้ประกอบการในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น การใช้ข้อมูลรีวิว การตั้งราคาที่เหมาะสม และการทำโปรโมชันร่วมกับเทศกาลท่องเที่ยวท้องถิ่น สิ่งเหล่านี้ช่วยให้เกิด "ระบบนิเวศเศรษฐกิจท้องถิ่น" ที่คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น

Chewa Cafe: ตัวอย่างความสำเร็จจากรีวิวและโครงการรัฐ

วิศรุต สร้อยคำ เจ้าของ Chewa Cafe By SK Sroikham หนึ่งในร้านที่ได้รับรางวัล "Users' Choice 2025" จาก Wongnai กล่าวว่า "รางวัลนี้ไม่ใช่แค่เครื่องการันตีคุณภาพ แต่เป็นแรงผลักดันให้ทีมพัฒนารสชาติและบริการให้ดียิ่งขึ้น เพราะลูกค้ามาจากรีวิวออนไลน์จริง ๆ"

เขาเสริมว่า หลังเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ยอดขายของร้านเพิ่มขึ้นกว่า 150% และยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ได้แม้โครงการจะสิ้นสุดลง เพราะลูกค้าจำนวนมากเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้เดลิเวอรีเป็นประจำ

"เรามองว่าคนรุ่นใหม่ในอีสานเปิดรับเทคโนโลยีมากขึ้น พวกเขาอยากกินของดี ใกล้บ้าน แต่ได้ประสบการณ์เหมือนในเมืองใหญ่" วิศรุต กล่าว 

ว่าที่ร้อยตรี รวยรุ่ง ใครบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม
ว่าที่ร้อยตรี รวยรุ่ง ใครบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม

YEC นครพนม เล็งดัน Wellness Hub ชูจุดแข็ง 'Slow Life' ริมโขง

ว่าที่ร้อยตรี รวยรุ่ง ใครบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวในเวทีเดียวกันว่า จังหวัดกำลังผลักดันแผนยุทธศาสตร์ 3-20 ปี โดยมุ่งเน้นใช้ข้อมูล (Data) และเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ

"นครพนมมีความพร้อมทั้งโลจิสติกส์ การค้าชายแดน และศักยภาพด้านการท่องเที่ยวริมโขง การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างภาครัฐ เอกชน และแพลตฟอร์มดิจิทัลจะทำให้เรามองเห็นโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ได้ชัดขึ้น"

เขาระบุว่า จังหวัดเตรียมผลักดันโครงการ "Digital Local Economy Hub" เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยและสร้างเครือข่ายธุรกิจออนไลน์ในอนาคต

ผู้ประกอบการรุ่นใหม่มองเห็นศักยภาพ Wellness Tourism

จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของจังหวัดนครพนม ทำให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่เห็นศักยภาพในการผลักดัน Wellness Tourism โดยชนนท์ กุลตั้งวัฒนา ประธาน YEC นครพนม มองว่าจังหวัดมีความพร้อมด้านทรัพยากรธรรมชาติและความสงบ แต่ยังต้องเร่งแก้ไขปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์และการดึงดูดนักลงทุน เพื่อให้แผนระยะยาวนี้ประสบความสำเร็จ

ชนนท์ระบุว่า นครพนมมีจุดแข็งหลายด้านที่เอื้อต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยเฉพาะศักยภาพในการเป็นแหล่งพักผ่อนที่แท้จริง:

  • ความสะดวกในการเดินทาง การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาบินเพียง 1 ชั่วโมง 15 นาที ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้เวลาติดรถในกรุงเทพฯ
  • คุณภาพชีวิต จังหวัดมีความสงบ มีวิวทิวทัศน์ที่ดี และเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาใช้ชีวิตแบบ Slow Life
  • ทรัพยากรอื่น ๆ นอกเหนือจากการท่องเที่ยวเชิงความเชื่อแล้ว นครพนมยังมีทรัพยากรดี ๆ อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ความสงบ และผู้คนในท้องถิ่น

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวได้เริ่มเติบโตขึ้นอย่างมากภายหลังจากที่มีองค์พญานาค โดยชนนท์ระบุว่านี่คือการพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างแรง สังเกตได้จากการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบิน ซึ่งปัจจุบันมีวันละ 6 เที่ยวบิน ทำให้การเดินทางค่อนข้างสะดวกและตอบโจทย์นักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม การจะก้าวเป็น Wellness Hub ได้นั้น ชนนท์เน้นย้ำว่า เรื่องของ Health, Medical และ Hospital ต้องมีความพร้อม ซึ่งปัจจุบันนครพนมยังประสบปัญหาและมีความท้าทายที่สำคัญ ได้แก่ 

  • บุคลากรทางการแพทย์ แม้ว่านครพนมจะมีวิทยาลัยพยาบาลที่ผลิตพยาบาลได้ทุก ๆ ปี แต่ "เรื่องหมอเรายังค่อนข้างขัด"
  • การศึกษา ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยนครพนมยังไม่มีคณะแพทยศาสตร์ และอยู่ระหว่างการผลักดันให้มีการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ขึ้น เพื่อเพิ่มปริมาณบุคลากรที่มีคุณภาพ
  • โรงพยาบาลเอกชน ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเอกชนประมาณ 2 โรง กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้เสนอขอให้รัฐบาลสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ดังนี้

1. สนับสนุนการแพทย์ เร่งสนับสนุนให้มีการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ เพื่อเพิ่มปริมาณแพทย์และบุคลากรที่มีคุณภาพ

2. มาตรการทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนครพนมมีปริมาณคนค่อนข้างน้อย ทำให้นักลงทุนต้องคิดหนัก แม้ว่าจะมีปริมาณโรงแรมมาก แต่ก็เก็บเงินลูกค้าได้น้อย (1,000 กว่าบาทต่อคืน) ทั้งที่ราคาที่ดินสูง รัฐบาลจึงควรมีมาตรการเอื้อหรือสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนกล้ามาลงทุน

3. ส่งเสริมบริการ รัฐบาลควรส่งเสริมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Wellness เช่น นวด สปา หรือบริการอื่น ๆ ที่ทำให้นครพนมสามารถสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แผนการพัฒนา Wellness Tourism ในนครพนมถือเป็นแผนระยะยาว ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ การลงทุน การก่อสร้าง และการเกิดหมู่บ้าน โดยจังหวัดมีความพร้อมด้านความสงบแล้ว แต่ยังขาดเรื่องคนและ Know-how หรือผู้ที่จะมาลงทุน ซึ่งต้องอาศัยการสนับสนุนจากภาครัฐ







Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ