OpenAI บรรลุข้อตกลงกับ Microsoft ปรับโครงสร้างเป็น "บริษัทเพื่อสาธารณประโยชน์" ให้หาทุนง่ายขึ้น

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

OpenAI บรรลุข้อตกลงกับ Microsoft ปรับโครงสร้างเป็น "บริษัทเพื่อสาธารณประโยชน์" ให้หาทุนง่ายขึ้น

Date Time: 12 ก.ย. 2568 11:01 น.

Video

Lin Sweet Creation อาณาจักรความหวานที่ไม่หยุดแค่ “น้ำตาล” | BrandStory Exclusive EP.22

Summary

OpenAI ลงนาม MOU กับ Microsoft ตกลงเปิดทางให้ OpenAI สามารถเปลี่ยนสถานะของบริษัทลูก OpenAI LLC ที่ดำเนินธุรกิจแบบแสวงหากำไรให้กลายเป็น Public Benefit Corporation (PBC) ปูทางสู่การเป็นบริษัทมหาชน

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา OpenAI ประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นแบบไม่ผูกพันทางกฎหมาย (Non-Binding Agreement) กับ Microsoft ผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดของบริษัท ว่าด้วยการปรับโครงสร้างความร่วมมือครั้งใหม่ ข้อตกลงนี้จะเปิดทางให้ OpenAI สามารถเปลี่ยนสถานะของบริษัทลูก OpenAI LLC ที่ดำเนินธุรกิจแบบแสวงหากำไรแบบจำกัดให้กลายเป็น “บริษัทเพื่อสาธารณประโยชน์” หรือ Public Benefit Corporation (PBC)

ปัจจุบัน โครงสร้างองค์กรของ OpenAI ถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ บริษัทแม่ OpenAI, Inc. เป็นบริษัทไม่แสวงผลกำไร ทำหน้าที่เป็นเจ้าของและผู้ควบคุมสูงสุดของทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดของบริษัท และก็มีบริษัทลูก OpenAI Global, LLC เป็นบริษัทจำกัดเพดานผลกำไร หรือ Capped-Profit Company จะทำกำไรแค่ที่กำหนด ส่วนที่เกินไปจะส่งต่อให้บริษัทแม่ไปจัดการต่อ และบริษัทส่วนนี้เองคือที่ Microsoft มาร่วมลงทุน



Bret Taylor ประธานบอร์ด OpenAI เปิดเผยในบล็อกโพสต์ว่า ภายใต้ข้อตกลงเบื้องต้นกับ Microsoft โครงสร้างองค์กรไม่แสวงหากำไรของ OpenAI (บริษัทแม่) จะยังคงอยู่ และยังคงมีอำนาจควบคุมการดำเนินงานของบริษัทต่อไป พร้อมทั้งจะได้รับหุ้นใน OpenAI PBC ที่มีมูลค่าสูงถึงกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเชิงลึกของข้อตกลงยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ

ทั้ง OpenAI และ Microsoft ได้ออกแถลงการณ์ร่วมยืนยันว่า ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเข้าสู่ความร่วมมือระยะใหม่ โดยย้ำว่า MOU ไม่ใช่ข้อตกลงทางกฎหมาย แต่เป็นเอกสารแสดงเจตจำนงและความคาดหวังของทั้งสองฝ่าย


แต่ละฝ่ายจะได้อะไรบ้าง?

ภายใต้ข้อตกลงใหม่นี้ Microsoft ได้สิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยีของ OpenAI เป็นพิเศษ และเป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักของบริษัท อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่การลงทุนเริ่มต้นในปี 2019 ธุรกิจของ ChatGPT ได้เติบโตมหาศาล ทำให้ OpenAI พยายามเจรจาลดอำนาจผูกขาดของ Microsoft ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์ลง

ตลอดปีที่ผ่านมา OpenAI ได้ลงนามในสัญญากับผู้ให้บริการรายอื่น ไม่ว่าจะเป็น Oracle ที่ได้ทำข้อตกลงมูลค่ากว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับบริการคลาวด์ระยะเวลา 5 ปี โดยจะเริ่มในปี 2027 และยังจับมือกับ SoftBank ของญี่ปุ่นในโครงการ Stargate อีกด้วย

ซึ่งก่อนที่จะได้ข้อตกลงนี้ออกมา ทาง Wall Street Journal รายงานว่า การเจรจาช่วงที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความตึงเครียด เนื่องจาก Microsoft ต้องการควบคุมเทคโนโลยีจาก Windsurf บริษัทสตาร์ตอัพด้าน AI Coding ที่ OpenAI เคยวางแผนจะซื้อกิจการ แต่ OpenAI ยืนยันว่าจะเก็บสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาไว้เอง ทำให้สุดท้ายดีลนี้ล้มเหลว โดยผู้ก่อตั้ง Windsurf ย้ายไปอยู่กับ Google ส่วนทีมงานที่เหลือถูกซื้อกิจการไปโดยสตาร์ตอัพ Cognition


แรงต้านจากภายนอก

ข้อตกลงการเปลี่ยนผ่านสู่บริษัทเพื่อแสวงหากำไรของ OpenAI กลายเป็นประเด็นหลักในคดีความที่ Elon Musk ยื่นฟ้อง โดยกล่าวหาว่า Sam Altman และ Greg Brockman ทิ้งพันธกิจเดิมของ OpenAI ในฐานะองค์กรไม่แสวงหากำไร

นอกจากนี้ Elon Musk ยังเคยยื่นข้อเสนอซื้อ OpenAI ในมูลค่า 97,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย แต่บอร์ดของ OpenAI ปฏิเสธทันที อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมองว่าการยื่นข้อเสนอครั้งนั้นอาจมีส่วนผลักดันให้มูลค่าหุ้นที่องค์กรไม่แสวงหากำไรถือครองอยู่สูงขึ้นด้วย

นอกจากนี้ องค์กรไม่แสวงหากำไรหลายแห่ง อย่างเช่น Encode และ The Midas Project ได้ออกมาแสดงความกังวลว่าการเปลี่ยนผ่านสู่บริษัทเชิงพาณิชย์ของ OpenAI ว่าอาจทำให้พันธกิจ “การพัฒนา AGI เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ” ถูกบิดเบือนไป 



ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney



Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ