ไทยจะยืนอยู่ตรงไหนในสมการ “พลังงานใหม่” โลก? เมื่อ “ความปลอดภัย“ ยังตามไม่ทัน “ความก้าวหน้า”

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ไทยจะยืนอยู่ตรงไหนในสมการ “พลังงานใหม่” โลก? เมื่อ “ความปลอดภัย“ ยังตามไม่ทัน “ความก้าวหน้า”

Date Time: 15 ก.ย. 2568 16:39 น.

Video

NEO ทำยังไงให้แบรนด์ครองใจคนไทย เปิดสูตรเจ้าแห่ง FMCG ไทย | BrandStory EP.24

Summary

การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของประเทศไทยและอาเซียน ไม่ใช่แค่เทรนด์แต่เป็นอนาคตที่กำลังเกิดขึ้นจริง หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนี้คือ “เทคโนโลยีแบตเตอรี่” ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายมหาศาล

Latest


การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของประเทศไทยและอาเซียน ไม่ใช่แค่เทรนด์แต่เป็นอนาคตที่กำลังเกิดขึ้นจริง หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนี้คือ “เทคโนโลยีแบตเตอรี่” ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายมหาศาล

บทความนี้ Thairath Money จะพาไปสำรวจภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ที่ได้รวบรวมมาจากงาน The 3rd ASEAN Battery Technology Conference 2025 (ABTC) การประชุมเทคโนโลยีแบตเตอรี่อาเซียน ครั้งที่ 3 ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญสองท่าน

  • ดร. พิมพา ลิ้มทองกุล: ผู้เชี่ยวชาญที่คลุกคลีกับวงการพลังงานไทยและเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันสมาคมเทคโนโลยีระบบการเก็บพลังงานไทย (TESTA) ให้ข้อมูลเชิงลึกจากบริบทของไทยและอาเซียน
  • Dr. M. Stanley Whittingham: ผู้ร่วมบุกเบิกแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและเจ้าของรางวัลโนเบล ให้มุมมองระดับโลกทั้งในแง่เทคโนโลยี การแข่งขัน และภูมิรัฐศาสตร์


ทำไม “แบตเตอรี่” คือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายของพลังงานสะอาด

ดร. พิมพาเริ่มต้นด้วยการฉายภาพใหญ่ว่า ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายด้าน ความยั่งยืน (Sustainability) และการลดการปล่อยคาร์บอน (Net Zero) แม้พลังงานหมุนเวียนอย่างโซลาร์เซลล์จะมีราคาถูกลงมาก แต่ความท้าทายหลักคือ "ความไม่เสถียร"

ดร. พิมพา ลิ้มทองกุล
ดร. พิมพา ลิ้มทองกุล

“ระบบกักเก็บพลังงาน หรือแบตเตอรี่ เข้ามาทำหน้าที่เหมือน ‘ถังเก็บน้ำ’ คือเก็บพลังงานสำรองไว้ใช้ในเวลาที่ต้องการ ทำให้เราใช้พลังงานสะอาดได้อย่างต่อเนื่อง มันจึงเป็น ‘ตัวขับเคลื่อนสำคัญ’ ของการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้” ดร. พิมพาอธิบาย

ในขณะที่ Dr. Whittingham เสริมความแข็งแกร่งของภาพนี้ด้วยมุมมองทางเทคโนโลยีว่า “แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะยังคงเป็นเทคโนโลยีหลักไปอีก 5-10 ปี” เนื่องจากมีความหนาแน่นพลังงาน (Energy Density) สูงที่สุด ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์พกพาและยานยนต์ไฟฟ้า


สมรภูมิแบตเตอรี่โลก: การแข่งขันที่ดุเดือดและเกมการเมือง

เมื่อมองภาพใหญ่ระดับโลก Dr. Whittingham เตือนว่าตลาดแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) นั้น “เป็นการแข่งขันที่เชือดเฉือนกันสุด ๆ (Cutthroat Business)” ซึ่งถูกครอบงำโดยผู้เล่นยักษ์ใหญ่จากจีน (เช่น CATL, BYD) และเกาหลีใต้ การที่ผู้เล่นรายใหม่จะเข้ามาแข่งขันและทำกำไรนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมยังมีความเปราะบางจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ “ตราบใดที่ยังมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเขาก็จะเล่นเกมการเมืองกัน เราเห็นจีนแบนการส่งออกวัตถุดิบสำคัญ สหรัฐฯ ก็ออกมาตรการกีดกันทางการค้า ทุกอย่างจึงเปราะบาง” Dr. Whittingham กล่าว

Dr. M. Stanley Whittingham
Dr. M. Stanley Whittingham


ประเทศไทยและอาเซียน: โอกาสอยู่ตรงไหนในสมรภูมินี้?

เมื่อตลาดโลกแข่งขันสูง แล้วประเทศไทยควรเดินไปทางไหน? ในด้านความท้าทายของไทย ดร. พิมพา ชี้ว่าแม้ภาครัฐจะพยายามเร่งออกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) แต่ไทยยังเผชิญความท้าทายสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่

  • มาตรฐานส่วนใหญ่เป็นแบบสมัครใจ: ไม่ใช่ข้อบังคับทางกฎหมาย
  • คอขวดในการทดสอบ (Testing Bottleneck): ศูนย์ทดสอบมีไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความล่าช้า
  • การบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่เข้มแข็ง: ยังมีสินค้าไม่ได้มาตรฐานวางขายทั่วไป

ด้าน Dr. Whittingham ได้ให้คำแนะนำที่น่าสนใจสำหรับประเทศในอาเซียนว่า “อย่ากระโดดลงไปแข่งขันในตลาดแบตเตอรี่ EV โดยตรง” แต่ให้มองหา “ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market)” ที่มีศักยภาพแทน อย่างเช่น

  • แบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ (Wearables), คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์
  • ระบบกักเก็บพลังงานสำหรับบ้านและระดับกริด (Grid Storage)
  • มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานีชาร์จ, ระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS), หรือซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีช่องว่าง


ก้าวต่อไป: ความปลอดภัย รีไซเคิล และการสร้างสะพานจาก "งานวิจัย" สู่ "ผลิตภัณฑ์"

ทั้งสองท่านเห็นตรงกันว่ามี 2 ปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมนี้ นั่นคือ


1. ความปลอดภัยต้องมาก่อน

Dr. Whittingham ย้ำว่า “แบตเตอรี่ราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นอันตรายอย่างยิ่ง” และจำเป็นต้องมีการควบคุมการผลิตที่เข้มงวด สอดคล้องกับ ดร. พิมพา ที่มองว่าหากเกิดปัญหาด้านความปลอดภัยบ่อยครั้ง อาจกลายเป็น “ตัวหยุดยั้ง (Show Stopper)” ที่ทำให้คนไม่กล้าใช้เทคโนโลยีนี้ ซึ่งเป็นที่มาของการจัดตั้งเครือข่ายความปลอดภัยแบตเตอรี่แห่งอาเซียนขึ้นมาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างมาตรฐานร่วมกัน


2. อนาคตของการวิจัยและพัฒนา


Dr. Whittingham ในฐานะเจ้าของรางวัลโนเบล ชี้ว่าก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีต่อไปคือ “การแทนที่ขั้วแอโนดแกรไฟต์” ด้วยวัสดุอื่น เช่น โลหะลิเธียม ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่มีความจุพลังงานเพิ่มขึ้นเท่าตัว

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่ที่ทั้งสหรัฐฯ และไทยเผชิญเหมือนกันคือสิ่งที่ Dr. Whittingham เรียกว่า การเชื่อมโยงเทคโนโลยี (Bridging Technology)” หรือการนำผลงานวิจัยจากห้องปฏิบัติการออกมาสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ให้ได้จริง ซึ่งตรงกับภารกิจของสมาคม TESTA ที่ ดร. พิมพา และนักวิจัยท่านอื่น ๆ พยายามสร้างขึ้นเพื่อเป็นสะพานเชื่อมระหว่างภาควิชาการและภาคอุตสาหกรรม

อนาคตของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่สำหรับประเทศไทยและอาเซียนเต็มไปด้วยโอกาส แต่ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ไม่ใช่การแข่งขันซึ่งหน้ากับยักษ์ใหญ่ แต่เป็นการหาช่องว่างในตลาดเฉพาะกลุ่ม สร้างความร่วมมือในภูมิภาค ให้ความสำคัญสูงสุดกับมาตรฐานและความปลอดภัย และที่สำคัญที่สุดคือการสร้างกลไกเพื่อเปลี่ยน “องค์ความรู้” ให้กลายเป็น “ผลิตภัณฑ์” ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง


ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney 



Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ