
ฟังเกมมิ่งเป็นอุปกรณ์ที่คนเล่นเกมขาดไม่ได้ เพราะออกแบบมาให้ตอบโจทย์กับการเล่นเกมโดยเฉพาะ เช่น มีระบบเสียงรอบทิศทาง ระบบตัดเสียงรบกวน คุณภาพเสียงคมชัด เสียงดีเลย์ต่ำ มีไมค์ในตัว ฯลฯ นอกจากจะช่วยให้ได้เปรียบทางการแข่งขันแล้ว ยังช่วยเพิ่มอรรถรสและทำให้การสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย บทความนี้ ไทยรัฐช็อปปิ้งได้คัด 10 หูฟังเกมมิ่ง 2025/2026 มาแนะนำ มีให้เลือกหลากหลายราคา ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น จะมีรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง ติดตามได้ที่นี่
SteelSeries หูฟังเกมมิ่งไร้สาย ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักกีฬาอีสปอร์ต คุณภาพเสียงคมชัด ให้เสียงระดับ Hi-Res ด้วยไดรเวอร์ Neodymium Magnetic ขนาด 40 มม. มีระบบเสียงรอบทิศทาง ระบบลดเสียงรบกวน ANC พร้อมไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนด้วย AI ที่สามารถพับเก็บได้ ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมได้อย่างสมจริง มี Wireless Base Station สำหรับปรับแต่งเสียงและเลือกอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อ หูฟังมาในดีไซน์เรียบๆ แต่ดูทันสมัย สวมใส่สบาย มีให้เลือก 2 สี คือ สีขาวและสีดำ
ราคา 15,690 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Shopee
HyperX Cloud III Wireless Gaming Headset หูฟังเกมมิ่งไร้สายที่พัฒนาต่อยอดมาจากรุ่น Cloud II มาพร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง DTS® Headphone:X® และไดรเวอร์ขนาด 53 มม. มอบไดนามิกเสียงอย่างสมจริง ระบุตำแหน่งของเสียงในเกมได้อย่างแม่นยำ พูดคุยกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างชัดเจนด้วยไมโครโฟนขนาด 10 มม. บริเวณสายคาดและฟองน้ำรองหูทำจากเมมโมรีโฟม หุ้มด้วยหนังเทียมเกรดพรีเมียม มีน้ำหนักเบา ใส่สบาย สามารถสวมใส่ได้นาน โดยไม่รู้สึกหนักศีรษะ
ราคา 4,190 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Shopee
หูฟังเกมมิ่ง Audeze Maxwell Wireless ใช้ไดรเวอร์ Planar Magnetic ขนาด 90 มม. ที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ทั่วไปได้ โดยไม่ต้องใช้แอมป์ ผสานเทคโนโลยี Fluxor และ Fazor สามารถเก็บรายละเอียดของเสียงได้ครบ มิติเสียงกว้าง แยกทิศทางเสียงได้แม่นยำ ตอบโจทย์กับการเล่นเกมทุกประเภท แนะนำให้เชื่อมต่อผ่าน Wireless 2.4GHz ขณะเล่นเกม เพื่อเสียงที่สมจริงและมีการดีเลย์ต่ำ ส่วนไมโครโฟนมีระบบตัดเสียงรบกวนในตัว ปรับแต่งเสียงได้ 5 แบบ สามารถถอดเก็บได้เมื่อไม่ได้ใช้งาน
ราคา 11,900 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Shopee
Logitech G PRO X2 LIGHTSPEED Wireless หูฟังเกมมิ่งที่เก็บครบทุกรายละเอียดเสียงในเกม ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝีเท้าหรือเสียงเอฟเฟกต์ ด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง DTS Headphone:X 2.0 7.1 และไดรเวอร์ Graphene ขนาด 50 มม. เชื่อมต่อรวดเร็ว มีการดีเลย์ของเสียงต่ำ มาพร้อมไมโครโฟน Cardioid ขนาด 6 มม. ที่มีเทคโนโลยี Blue VO!CE ช่วยลดเสียงรบกวน เพิ่มความคมชัดของเสียง และสามารถใช้ในการปรับแต่งเสียงได้
ราคา 6,990 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Shopee
Sony Inzone H9 หูฟังเกมมิ่งรุ่นยอดฮิตจากซีรีส์ INZONE มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนและระบบเสียงรอบทิศทาง สามารถแยกตำแหน่งและรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของศัตรูได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังสามารถปรับแต่งเสียงให้เหมาะกับการใช้งานได้ผ่าน INZONE Hub หูฟังรุ่นนี้ใช้ไดรเวอร์ Neodymium ขนาด 40 มม. เสียงเบสทรงพลัง ให้เสียงทุ้มสมจริง ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี ไมโครโฟนเป็นแบบ Bi-directional มีระบบตัดเสียงรบกวน สามารถพับเก็บได้ ส่วนสายคาดหูฟังนุ่มและกว้าง สวมใส่เล่นเกมได้นานหลายชั่วโมง
ราคา 7,490 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Shopee
ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของเกมอย่างเต็มอิ่มด้วยหูฟังเกมมิ่ง Razer Barracuda X Chroma ที่มาพร้อมระบบเสียงรอบทิศทางและไดรเวอร์ Razer™ TriForce ขนาด 40 มม. เสียงคมชัดทุกคลื่นความถี่ สื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมอย่างชัดเจนด้วยไมโครโฟน Razer HyperClear Cardioid Mic แบบถอดได้ นอกจากนี้ ยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Razer Chroma RGB ที่สามารถปรับแต่งสีและเอฟเฟกต์บริเวณที่ครอบหูได้ถึง 6 ตำแหน่ง
ราคา 4,590 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Shopee
หูฟังเกมมิ่งครอบหูแบบมีสาย beyerdynamic MMX 100 ใช้ไดรเวอร์ขนาด 40 มม. ให้รายละเอียดเสียงกลางและเสียงแหลมได้อย่างชัดเจน มิติเสียงกว้าง ช่วยระบุทิศทางของเสียงได้แม่นยำ แม้จะเป็นหูฟังที่เสียงเบสไม่แน่นสำหรับการฟังเพลง แต่ตอบโจทย์กับการเล่นเกมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเกม FPS หรือเกมที่มีเสียงเอฟเฟกต์แบบจัดเต็ม ไมโครโฟน META VOICE แบบ Cardioid ขนาด 9.9 มม. ให้เสียงชัดใส เสียงรบกวนต่ำ และสามารถถอดออกได้ หูฟังออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบา สวมใส่ได้นานโดยไม่รู้สึกเจ็บหู
ราคา 4,590 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Shopee
หูฟังเกมมิ่งราคาย่อมเยาจากแบรนด์ Onikuma รองรับทั้งการเชื่อมต่อแบบมีสายและไร้สาย ใช้ไดรเวอร์ขนาด 40 มม. มีระบบเสียงรอบทิศทาง เสียงดีเลย์ต่ำ ให้มิติเสียงที่สมจริง ทำให้ตอบสนองต่อเหตุการณ์ในเกมได้อย่างรวดเร็ว ไมโครโฟนมีระบบตัดเสียงรบกวน ทำให้สื่อสารกับทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ หูฟังมาในดีไซน์ที่สวมใส่แล้วสบายหู ระบายอากาศได้ดี สามารถใส่เล่นเกมได้นานต่อเนื่องหลายชั่วโมง
ราคา 1,190 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Shopee
หูฟังเกมมิ่ง SoundPEATS Space Pro มอบคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res ผ่านการเชื่อมต่อได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย พร้อมขับพลังเสียงด้วยไดรเวอร์ไดนามิกคู่แบบ Coaxial ขนาด 40 มม. และ 10 มม. มีระบบตัดเสียงรบกวนแบบไฮบริด (Hybrid ANC) เลือกได้ทั้ง Game Mode (ความหน่วงต่ำ 77ms) และ Movie Mode ส่วนไมโครโฟนคู่มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ENC ทั้งเสียงรอบข้างและเสียงลม รองรับการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์พร้อมกัน มาตรฐานกันน้ำ IPX4
ราคา 1,990 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Shopee
Silencer Pro หูฟังเกมมิ่งจาก Neolution E-Sport ทีมอีสปอร์ตสัญชาติไทย มาในดีไซน์สีดำเรียบๆ โดดเด่นด้วยแถบไฟ RGB บริเวณที่ครอบหู สวมใส่สบายด้วยที่ครอบหูเมมโมรีโฟม ใช้ไดรเวอร์ขนาด 50 มม. มีมิติเสียงกว้าง ได้ยินเสียงเท้าและเสียงบรรยากาศชัดเจน และไมโครโฟน ENC ตัดเสียงรบกวนได้ดี รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบใช้สายและไร้สาย
ราคา 1,890 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Shopee
การเลือกหูฟังเกมมิ่งให้เหมาะสมสำหรับการใช้งาน แนะนำให้พิจารณาจากประเภทของเกมที่เล่นเป็นหลัก เช่น เกมแนว FPS กับ MOBA อาจเลือกหูฟังที่มีระบบเสียงรอบทิศทางและมีอัตราการดีเลย์ของเสียงต่ำ หรือเกมแนว RPG/MMO ที่เน้นเสียงบรรยากาศ อาจเลือกหูฟังที่มีมิติเสียงกว้าง ให้เสียงกลางและเสียงต่ำชัดเจน นอกจากนี้ยังสามารถพิจารณาจากรายละเอียดอื่นๆ อย่างรูปแบบการเชื่อมต่อ อุปกรณ์ที่รองรับ คุณภาพของเสียง ความสบายขณะสวมใส่ หรืองบประมาณได้อีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือ 10 หูฟังเกมมิ่งที่ไทยรัฐช็อปปิ้งคัดมาให้ หากสนใจยี่ห้อไหนสามารถเลือกซื้อจากลิสต์ในบทความนี้ได้ทันที หรือเลือกชมหูฟังเกมมิ่งยี่ห้ออื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ Shopee
เช็กโค้ดส่วนลด Shopee ได้ที่นี่
(ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดตรวจสอบราคาอีกครั้งก่อนสั่งซื้อ)