ช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งสูงเป็นสถิติใหม่ แตะที่เหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั่วโลกเกิดภาวะตื่นทอง คนมีทองคำในมือยิ้มร่า เอาออกมาขายทำกำไรกันยกใหญ่ คนไม่มียิ้มแหยๆนักวิเคราะห์ไม่แปลกใจ ทุกครั้งโลกเผชิญวิกฤติใหญ่ๆกระทบเศรษฐกิจ ราคาทองเป็นต้องขึ้นเสมอ นักลงทุนเห็นทองคำเป็นสินทรัพย์ ปลอดภัย พึ่งได้ในยามเศรษฐกิจผันผวนคำถามสำคัญคือ แหล่งทองคำโลกจะมีให้ขุดอยู่กี่มากน้อยศูนย์สำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ (USGS) ระบุว่า ปัจจุบันสต๊อกทองคำใต้ดินทั่วโลก คาดว่าเหลืออยู่ประมาณ 50,000 ตัน ขณะที่ “สภาทองคำโลก” (World Gold Council) ระบุว่า ปริมาณทองคำถูกขุดขึ้นมาจากเหมืองทั่วโลกเมื่อปี 2562 อยู่ที่ 3,531 ตัน (น้อยกว่ายอดทองคำจากเหมืองของปีก่อนหน้านั้น 1%)แหล่งทองคำเดี่ยวขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อยู่ที่ลุ่มน้ำวิทวอเทอร์สแลนด์ ใกล้เมืองโยฮันเนสเบิร์กของแอฟริกาใต้ คิดเป็นประมาณ 30% ของปริมาณทองคำรวมที่ขุดได้จากเหมืองทองทั่วโลกส่วนแหล่งทองคำขนาดใหญ่อื่นๆ รองลงมามีรวมทั้งเหมืองเอ็มโปเน็ง (แอฟริกาใต้) เหมืองซูเปอร์ พิท และนิวมองต์ บ็อดดิงตัน (ออสเตรเลีย) เมืองแกรสเบอร์ก (อินโดนีเซีย) และเหมืองหลายแห่งที่รัฐเนวาดา สหรัฐฯว่ากันระดับประเทศ จีนเป็นประเทศทำเหมืองทองรายใหญ่ที่สุดของโลก ตามด้วย แคนาดา รัสเซียและเปรู ส่วนบริษัททองคำรายใหญ่ของโลกคือ เหมืองทองเนวาดาที่บริษัทแบร์ริค โกลด์ ถือหุ้นใหญ่ ผลิตทองคำปีละประมาณ 3.5 ล้านออนซ์เหมืองทองใหม่ยังพบอยู่เรื่อยๆ แต่แหล่งทองคำปริมาณมากๆเริ่มหายากทุกที ทองคำส่วนใหญ่ของโลกในปัจจุบันจึงขุดได้จากเหมืองทองเก่าอายุใช้งานนับสิบๆปีใครห่วงทองหมดโลก แหล่งอื่นยังมีอยู่ ทั้งดวงจันทร์ ขั้วโลกใต้ และพื้นมหาสมุทร เพียงแต่ไม่คุ้มทุนขุดสุดท้าย ถึงทำเหมืองทองไม่ได้จริงๆ ทองก็ไม่มีวันหมดโลก เพราะเป็นธาตุโลหะมีค่าที่รีไซเคิลได้.เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์