รอยเตอร์ รายงานข่าวอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงใน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้พูดถึงประเด็นความขัดแย้งในภูมิภาคนี้ โดยกล่าวกับระดับผู้นำว่า เราคาดหวังว่ากระบวนการนี้จะให้ความเคารพกับคำมั่นของทุกฝ่ายในการเริ่มต้นทันทีที่ลงนามเรียบร้อย ซึ่ง รอยเตอร์ น่าจะหมายถึงการลงนามสันติภาพ ไทย–กัมพูชา ที่ระบุถึงการประสานงานระหว่างไทยและกัมพูชา ในการปล่อยตัว 18 ทหาร กัมพูชา ทันทีที่มีการลงนามสันติภาพ นอกจากนี้การพบกันระหว่าง ผู้นำสหรัฐฯ กับสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ทรัมป์ ได้กล่าวด้วยว่า นโยบาย ไต้หวันของสหรัฐฯไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย และนโยบายสหรัฐฯ ต่อเกาหลีเหนือ ยังคงความต้องการในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ เหมือนเดิมวันวาน รัฐบาลระดมเอา โฆษกรัฐบาล อธิบดีกรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศ โฆษกเหล่าทัพบก เรือ อากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มานั่งแถลงถึงเรื่องข้อตกลง สันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชา อีกรอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกรัฐบาล ก็ได้เปิดเผยรายละเอียดการลงนาม Joint Declaration by the Prime Minister of the Kingdom of Cambodia and the Prime Minister of the Kingdom of Thailand on the outcomes of their meeting in Kuala Lumpur Malaysia โดยนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ของไทย กับ นายกฯ ฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งมีนายกฯมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม และ ผู้นำสหรัฐฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน รายละเอียดมีทั้งหมด 8 ข้อใหญ่ ในหัวข้อที่ 4 เกี่ยวกับการลดความตึงเครียดของทั้งสองประเทศ แยกออกไปเป็น 5 ข้อย่อย ในการที่จะนำไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศต่อไปซึ่งก็มีหลายเรื่องที่ยังเป็นความขัดแย้งในข้อกฎหมาย ที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาและการทำประชามติของประชาชน อาทิ MOU 43-44 คาดว่าจะมีการทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งในปี 2569 หรือไม่น้อยกว่า 4 เดือน หรือการถอนกำลังอาวุธหนัก ที่อยู่บริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการรับรองอย่างเป็นทางการได้เมื่อไร นอกจากนี้การเก็บกู้ทุ่นระเบิดยังคงดำเนินการเฉพาะฝ่ายไทย ที่น่ากังวลคือมีการลากเอาเรื่องนี้มาเป็นข้อขัดแย้งภายในประเทศ ระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล ระหว่างประชาชนกับประชาชน และระหว่างกองทัพกับการเมืองมีการตั้งข้อสังเกตไปจนถึงการทำ MOU ในอดีตที่ไม่ผ่านความเห็น ครม.อาจเป็นโมฆะก็ได้รัฐบาลจะต้องรับแรงกดดันจากการทำข้อตกลงกับกัมพูชาจากประชาชนที่ไม่ยอมสูญเสียอธิปไตยของประเทศในทุกมิติ รัฐบาลยังถูกกดดันจากเวทีโลกในการปราบอาชญากรรมออนไลน์ สแกมเมอร์ การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแก้ปัญหา ตั้งรองนายกฯและ รมว.คลังมาเป็นประธานตรวจสอบเส้นทางเงินสีเทา ตั้งคณะกรรมการปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นวาระแห่งชาติ โดยที่รัฐบาลขาดความน่าเชื่อถือต้องยืมมือต่างชาติกดดันชักศึกเข้าบ้านถูกปักหมุดภูมิรัฐศาสตร์เรียบร้อย.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม