นายกฯยันแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 สุดความสามารถ สั่งเพิ่ม 6 มาตรการระยะสั้น เผย 5 จังหวัดจมค่าฝุ่น PM 2.5 เกิน 75 มคก./ลบ.ม. ติดต่อกันเกิน 3 วันขึ้นไป “เพชรบุรี” นำโด่งเกิน 5 วัน รองลงมาสุโขทัย สระบุรี สมุทรสาคร กรุงเทพฯ กระทรวงคมนาคมให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า-รถ ขสมก. ฟรี 7 วัน แก้ฝุ่นควัน ด้านสุริยะลุยตรวจสอบรถควันดำ ส่วน “อนุทิน” ฮึ่มจังหวัดไหนเผาย้าย ผวจ.ปัญหาฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ที่สร้างผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างหนักและเป็นต้นเหตุการเกิดโรคหลายโรค หนักสุดคือ “มะเร็งปอด” ที่คนในภาคเหนือโดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่เผชิญกันอยู่ สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ยังทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ตั้งแต่เช้าวันที่ 24 ม.ค. หลายจังหวัดทั่วไทยมีฝุ่นปกคลุมขมุกขมัวจนดูคล้ายหมอกยามเช้า ส่วนในกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล ฝุ่นจิ๋วปกคลุมจนมองแทบไม่เห็นอาคารสูงหลายแห่งและยังทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างขับขี่รถไม่ดี จนหลายคนเกือบเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพราะฝุ่นฟุ้งกระจายในอากาศมากเกินที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ ฝุ่น PM 2.5 กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 24 ม.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข และคณะผู้บริหารกรมต่างๆ ร่วมกันแถลงข่าว แนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุขด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ว่าข้อมูลเวลา 07.00 น. พบจังหวัดที่มีฝุ่น PM 2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมงมากกว่า75 ไมโครกรัม/ลบ.ม. หรือพื้นที่สีแดง มี 21 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี กรุงเทพฯ นนทบุรี ปราจีนบุรี สมุทรสาคร สระบุรี สมุทรปราการ เพชรบุรี สิงห์บุรี ระยอง ลพบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สุโขทัย ชัยนาท ฉะเชิงเทรา อ่างทอง หนองคาย อุทัยธานี ชลบุรี จังหวัดที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 เกินกว่า 75 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ติดต่อกัน 3 วัน ได้แก่ เพชรบุรี เกินติดต่อกัน 5 วัน ได้แก่ สุโขทัย สระบุรี สมุทรสาคร กรุงเทพฯ เกินติดต่อกัน 4 วัน ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี ระยอง ส่วน 10 จังหวัดที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุด ได้แก่ พระนครศรี อยุธยา สูงเกิน 113.52 มคก./ลบ.ม. รองลงมาปทุมธานี กรุงเทพฯ นนทบุรี ปราจีนบุรี สมุทรสาคร สระบุรี สมุทรปราการ ชัยนาท และฉะเชิงเทราด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม แถลงมาตรการแก้ปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ใน กทม. ว่า นายกฯสั่งการให้กระทรวงคมนาคมและส่วนงานราชการอื่นๆสนับสนุนการแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ใน กทม. ตั้งแต่วันที่ 25-31 ม.ค. โดยให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า ขสมก.ฟรี รวม 7 วัน แต่หากครบ 7 วันแล้วถ้าค่าฝุ่นยังไม่ลด จะมีการประเมินอีกครั้งว่าจะขยายระยะเวลาออกไปอีกหรือไม่ และกระทรวงฯได้ตั้งจุดตรวจ 8 จุดเพื่อลดควันดำ มีที่หน้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ท่าเรือคลองเตย หน้าสวนจตุจักร บางนา กม.1 ถ.สุวินทวงศ์ หน้าการประปามีนบุรี ถ.พระราม 2 หน้าแขวงการทางพิเศษบางขุนเทียน ถ.รังสิต-นครนายก และ ถ.บรมราชชนนีขาเข้า-ออกเย็นวันเดียวกันนายสุริยะลงพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กทม.ติดตามมาตรการและตรวจควันดำรถบรรทุก หลังจากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในเขต กทม.อยู่ในสภาวะวิกฤติ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและสุขภาพของประชาชนจำนวนมาก และท่าเรือกรุงเทพเป็นจุดที่มีรถบรรทุกขนส่งสินค้าเข้า-ออก มาก ได้เน้นย้ำผู้ประกอบการ ผู้ขับรถบรรทุกทุกราย ให้ดูแลเครื่องยนต์ไม่ให้มีค่าควันดำเกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด หากเกินให้เจ้าหน้าที่พ่นข้อความห้ามใช้ทันทีและให้ผู้ขับรถนำรถไปแก้ไขจึงจะนำรถมาใช้งานได้ และยังสั่งให้กรมการขนส่งทางบก จัดชุดเฝ้าระวังออกตรวจสอบค่าควันดำจากรถโดยสารสาธารณะ รถร่วมบริการ รถบรรทุก ยานพาหนะที่มีการตกแต่งเครื่องยนต์ (รถกระบะแต่งซิ่ง) ในพื้นที่ กทม.ชั้นในที่มีค่า PM2.5 สูง พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พ่นข้อความ “ห้ามใช้” กรณีมีค่าการปล่อยควันดำเกินมาตรฐาน ผู้ประกอบการและเจ้าของรถทุกคันที่ถูกพ่นห้ามใช้ ต้องนำรถไปแก้ไข ตรวจสภาพที่สำนักงานขนส่ง หากฝ่าฝืนใช้รถที่มีคำสั่งห้ามใช้จะมีความผิดตามกฎหมายรมว.คมนาคมกล่าวอีกว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67- 23 ม.ค.68 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจรถสะสมรวม 30,401 คัน พบมีค่าควันดำเกินมาตรฐานและพ่นสีห้ามใช้รถแล้ว 809 คัน ได้กำชับและเตือนผู้ประกอบการรถโดยสาร รถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปที่ไม่ได้ลงทะเบียนบัญชีสีเขียวของกรุงเทพมหานคร ห้ามขับรถเข้าไปในพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก 9 เขต และให้ตรวจสอบรถโดยสารประจำทางที่อู่รถ ขสมก. ทั้ง 8 เขตการเดินรถ 21 แห่ง รถโดยสารประจำทาง ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร, เอกมัย, สายใต้) ตรวจสอบค่าฝุ่น PM2.5 ณ สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ในเขต กทม. และสถานประกอบการ ได้แก่ แพลนต์ ปูนบริเวณไซต์งานก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรมในเขตกรุงเทพฯ เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืนต่อไปวันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯทวีตข้อความผ่าน X ถึงมาตรการเร่งด่วนแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 เนื้อหาสรุปว่า เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ยังเป็นที่น่ากังวล ดิฉันจึงขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการเร่งด่วนเพิ่มเติม แก้ไขปัญหาระยะสั้น โดยขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชน ให้เจ้าหน้าที่ทำงานที่บ้านเพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวและสั่งกระทรวงคมนาคมให้สนับสนุนยกเว้นค่ารถไฟฟ้า-ค่ารถเมล์ เป็นเวลา 7 วัน เพื่อลดปริมาณฝุ่นที่เกิดจากรถยนต์ ให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด หากมีความชื้นมากเพียงพอ ขอให้ปฏิบัติการฝนเทียมเจาะช่องบรรยากาศทั่วกรุงเทพฯนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย เผยว่า ได้เน้นย้ำถึง ผวจ.ทุกจังหวัด ถึงการจัดการปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะใน 15 จังหวัดภาคเหนือจนถึงภาคกลาง ที่ได้ประกาศเข้มห้ามเผาให้ใช้วิธีฝังกลบแทน หากฝ่าฝืนถือว่าผิดกฎหมาย เชื่อว่าตอนนี้ ผวจ.ทุกคนได้ใช้มาตรการเข้มข้น ในวันที่ 26-27 ม.ค.จะเดินทางไปพื้นที่ภาคเหนือร่วมประชุมกลุ่มจังหวัด โดยนำ ผวจ.ที่จัดการฝุ่นได้ดีมาสรุปหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพแก้ปัญหานี้ให้ได้มากที่สุด หากพบว่ายังมีการเผาหรือเกิดจุดความร้อนอยู่ ถือว่า ผวจ.นั้นๆไม่มีประสิทธิภาพ จะต้องถูกย้ายอีกด้าน รศ.ดร.คำรณวิทย์ ทิพย์มณี รองอธิการบดี วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เผยว่า ตนและทีมวิจัยได้ศึกษาคุณสมบัติของพืชธรรมชาติ เช่น มะกรูด ตะไคร้ ยูคาลิปตัส ขิง และพัฒนาจนได้ในรูปแบบ “ระบบสเปรย์อิมัลชัน น้ำมันหอมระเหยจากพืชเพื่อการลดฝุ่น PM 2.5” เป็นสูตรนาโนหรือไมโครอิมัลชัน มีประสิทธิภาพสูงมากในการจับอนุภาคฝุ่น PM 2.5 หรือ PM ขนาดต่างๆ เป็นการทำความสะอาดอากาศ รวมไปถึงการเติมวิตามินในระบบอากาศได้ โดยมีการนำไปใช้จริงแล้วกับสวนสาธารณะ 3 แห่ง คือสวนสาธารณะทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา, สวนสาธารณะบางแคภิรมย์ เขตบางแค และสวนสาธารณะธนบุรีภิรมย์ เขตทุ่งครุ พบว่าสามารถลดฝุ่น PM 2.5 ให้น้อยลงได้ถึง 6 เท่า เมื่อเทียบกับการสเปรย์ด้วยน้ำเปล่าอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่