ข้าพระพุทธเจ้าได้มีโอกาสอันเป็นมหามงคลยิ่งในชีวิตได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2522ในโอกาสที่เสด็จเยี่ยมราษฎรชาวเขาในลุ่มน้ำแม่จันที่หมู่บ้านปางสา ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน เชียงรายซึ่งข้าพระพุทธเจ้าเป็นบัณฑิตอาสาสมัครของมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เป็นครูคนแรกของชุมชน ตั้งแต่ พ.ศ.2517สมเด็จฯทรงพระดำเนินเร็วมาก เพื่อตามเสด็จพระเจ้าอยู่หัวฯให้ทัน ทรงพระดำเนินจากทุ่งนาที่เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งจอดมายังสนามโรงเรียนบ้านปางสา ซึ่งราษฎรชาวเขาลีซอ อีก้อ มูเซอ จีนฮ่อ เย้า (ชื่อที่เรียกในยุคสมัยนั้น) และคนเมืองล้านนา มาเข้าเฝ้าฯกันเต็มสนามนับพันคนราษฎรผู้หญิงได้นำงานหัตถกรรมมาถวาย ได้แก่ ถุงย่ามลีซอ ถุงย่ามมูเซอ ถุงย่ามอาข่า ผ้าปักของชาวเย้า รองเท้าแบบจีนยูนนานที่เย็บด้วยมือ ถวายสมเด็จพระพันปีหลวง ด้วยความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนข้าพระพุทธเจ้าได้ถวายข้อมูลเกี่ยวกับชาวเขาเผ่าต่างๆ ซึ่งทรงสนพระทัยมาก ทรงรับงานฝีมือที่ราษฎรถวายทุกชิ้น และพระราชทานเงินขวัญถุงให้ทุกคน ด้วยพระทัยที่เปี่ยมเมตตา ราษฎรหลายคนได้นำเงินพระราชทานวางไว้บนหิ้งบูชาด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ข้าพระพุทธเจ้าได้ดำเนินชีวิตตามแนวพระราชปณิธาน คือการรักษาป่า อนุรักษ์ธรรมชาติ การใส่เสื้อผ้าทอมือ จากภูมิปัญญาของภาคต่างๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ “จิตรลดา” และสนับสนุนงานศิลปวัฒนธรรมภาคต่างๆ โดยมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ รวมทั้งการไปชมการแสดงโขนพระราชทานทุกครั้งพระราชกรณียกิจและพระราชดำรัสของพระองค์สถิตใน ดวงใจของข้าพระพุทธเจ้าและได้นำมาปฏิบัติ ตลอดมาเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ขอพระองค์สถิตในสรวงสวรรค์ชั้นสูงสุด และทรงปกป้องพสกนิกรให้ร่มเย็นเป็นสุขตราบนิจนิรันดร์ เตือนใจ กุญชร ณ อยุธยา ดีเทศน์ เฟซบุ๊ก “Tuenjai Deetes” ตลอดหลายทศวรรษแห่งรัชสมัยที่พระองค์ทรงเคียงข้าง “ในหลวงรัชกาลที่ 9” เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรทั่วทุกภูมิภาคของแผ่นดินไทย...สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเปี่ยมด้วยพระราชหฤทัยแห่ง “ความเมตตา” ที่แผ่ไพศาลไปทั่วทุกถิ่นแดนทรงเห็นถึงทุกข์สุขของปวงประชาและทรงมุ่งมั่นหาทางให้พสกนิกรของพระองค์ “อยู่ดี กินดี” อย่างยั่งยืนหนึ่งในพระราชดำริอันทรงคุณูปการที่สุดต่อผืนแผ่นดินไทย คือ “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” สายธารพระเมตตาที่หล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล พระองค์ทรงมุ่งหมายให้คนไทยได้พึ่งพาตนเอง จากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่แล้วในชุมชน แปรเปลี่ยน “ศิลป์พื้นบ้าน” ให้เป็น “ศิลป์แห่งชีวิต”“...ข้าพเจ้านั้นภูมิใจเสมอมาว่า คนไทยมีสายเลือดของช่างฝีมืออยู่ทุกคน...ขอเพียงแต่ให้เขาได้โอกาสฝึกฝน เขาก็จะแสดงความสามารถออกมาให้เห็นได้...” พระราชดำรัส 11 สิงหาคม 2532พระราชดำรัสนี้ไม่เพียงเป็นถ้อยคำ แต่เป็น “แรงบันดาลใจ” ที่จุดประกายให้เกิด “โครงการศิลปาชีพ” ขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมย้อนกลับไปกว่า 60 ปีก่อน ขณะเสด็จเยี่ยมราษฎรที่หมู่บ้านเขาเต่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเห็นว่าชาวบ้านหญิงว่างงานหลังฤดูเก็บเกี่ยว จึงโปรดให้จัดหาครูมาสอนทอผ้า งาน “ทอผ้าฝ้ายพื้นเมือง” จึงถือกำเนิดขึ้นเป็น “พระราชกรณียกิจแรก” ทางด้านหัตถกรรมพื้นบ้านต่อมาเมื่อคราวเกิดอุทกภัยใหญ่ที่นครพนม ปี 2513 พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็น “ผ้าไหมมัดหมี่” ที่หญิงชาวบ้านทอไว้ใช้เอง ความงดงามที่ซ่อนอยู่ในเส้นไหมพื้นบ้านนั้นทำให้พระองค์ทรงพระราชดำริว่า...หากราษฎรได้รับการสนับสนุน ก็จะสามารถพัฒนาเป็นอาชีพเสริมที่มั่นคงได้ พ.ศ.2519 พระองค์ทรงก่อตั้ง “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ” อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นกลไกหลักในการฝึกสอน ถ่ายทอด... รวบรวมศิลปหัตถกรรมไทยจากทั่วทุกภูมิภาค ตั้งแต่ผ้าไหม ผ้าฝ้าย เครื่องจักสาน เครื่องปั้นดินเผา เครื่องประดับ ไปจนถึง หัตถศิลป์ชั้นสูง จนเกิดเป็น “ศูนย์ศิลปาชีพ” หลายร้อยแห่งทั่วประเทศแต่ละศูนย์เปรียบเสมือน “โรงเรียนชีวิต” ของราษฎร ที่ไม่เพียงสร้างรายได้ หากยังเป็นพื้นที่ปลุกพลังความภูมิใจในรากเหง้าวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ต่อไปกว่า “ครึ่งศตวรรษ” แห่งพระเมตตา “ศิลปาชีพ” ไม่ได้ เพียงเยียวยาความยากจน แต่ยังฟื้นฟู “หัวใจแห่งความเป็นไทย” ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพกลายเป็นของขวัญจากแผ่นดินไทยสู่สายตาชาวโลก ผ่านงานแสดง “ศิลป์แผ่นดิน” และร้านจิตรลดาที่เผยแพร่ผลงานสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทุกผืนผ้า ทุกลายมัดหมี่ ทุกชิ้นงานจักสาน...ล้วนเป็น “รอยมือ” ที่สะท้อนพระมหากรุณาธิคุณของพระแม่ผู้ทรงปลุกชีวิตใหม่ให้คนไทยนับแสน “โครงการศูนย์ศิลปาชีพ” จึงมิใช่เพียงแหล่งรวมศิลป์ หากเป็น “มรดกแห่งพระเมตตา” ที่หล่อเลี้ยงชีวิตปวงชนไทยมาจนถึงวันนี้น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ขอน้อมส่งเสด็จ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ. คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม