นับตั้งแต่ปี 2532 รัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ ในประเทศไทย ผ่านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ (GGP)มีโครงการที่ได้รับการสนับสนุนไปแล้วทั้งหมด 423 โครงการ ในจำนวนนี้รวมถึงโครงการเมื่อช่วงกลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา คือโครงการก่อสร้างคลินิกสำหรับช่วยเหลือผู้อพยพเมียนมาในจังหวัดกาญจนบุรีทั้งนี้ นายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัคร ราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และตัวแทนองค์กรศานใจดีคลินิก ได้มีการร่วมลงนามข้อตกลงสนับสนุนที่สถานทูตใน กทม. พร้อมเปิดเผยว่า พรมแดนของ อ.สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีอยู่ติดกับประเทศเมียนมา มีผู้โยกย้ายถิ่นฐานรวมถึงผู้หนีภัยการสู้รบพักพิงอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมากสำหรับผู้พลัดถิ่นเหล่านี้หลายคนดำรงชีพด้วยรายได้จากงานรับจ้างรายวัน ไม่ได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันสังคม และที่หมู่บ้านห้วยมาลัย ตำบลหนองลู นั้น โรงพยาบาลเพียงแห่งเดียวของหมู่บ้านได้ย้ายไปอยู่ในตัวเมืองเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา เหลือเพียงคลินิกส่วนบุคคลศานใจดีคลินิก ซึ่งดำเนินกิจกรรมการกุศลต่างๆ พร้อมให้บริการรักษาพยาบาลในราคาที่เหมาะสมอย่างไรก็ตาม คลินิกแห่งนี้ไม่มีอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น เครื่องเอกซเรย์ จึงรักษาได้เพียงขั้นพื้นฐาน ทั้งยังขาดแคลนห้องตรวจสำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะเปราะบาง การเดินทางเข้ารับการตรวจหรือรักษาที่โรงพยาบาลในตัวเมืองยังคงมีอุปสรรคหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าพาหนะ หรือความไม่มั่นใจด้านภาษา ทำให้ผู้ป่วยบางรายจำเป็นต้องละเว้นการเข้ารับบริการทางการแพทย์ด้วยเหตุนี้รัฐบาลญี่ปุ่นเล็งเห็นว่า การก่อสร้างอาคารคลินิกใหม่ 1 หลังพร้อมกับการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่หมู่บ้านห้วยมาลัยจะช่วยตอบสนองความต้องการด้านการแพทย์ จึงได้สนับสนุนเงินทุนผ่านโครงการจีจีพีเป็นเงินทุนจำนวนทั้งสิ้น 4,986,900 บาท ความช่วยเหลือนี้จะส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของประชากรในพื้นที่ห้วยมาลัยประมาณ 6,100 คนต่อปี และผู้พลัดถิ่นในศูนย์พักพิงชั่วคราวฯบ้านต้นยาง.คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม