“แรร์เอิร์ธในไทยเพิ่งสำรวจในเบื้องต้น กลุ่มแร่นี้เกาะอยู่ตามแนวหินแกรนิตในภาคตะวันตก มีความสลับซับซ้อนพัวพันกันระหว่างกลุ่มทุนไทยกับอดีตนายพลของกองทัพที่เป็นมือประสานและกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์...ค่อยๆคลี่ภาพครับ” ภาสกร จำลองราช “สำนักข่าวชายขอบ” เว็บไซต์ www.transbordernews.in.th เปิดประเด็น พร้อมบทสรุปสำรวจเบื้องต้นของกรมทรัพยากรธรณีพบแรร์เอิร์ธสายหลัก 4 ตัว...ซีเรียม (Ce), อิตเทรียม (Y), แลนทานัม (La), นีโอดิเมียม (Nd) กระจายตัวตามแนวหินแกรนิตจากแม่ฮ่องสอน...ภูเก็ต...ชายแดนภาคใต้ แต่ยังอยู่ในระดับข้อมูลเบื้องต้น ต้องสำรวจซ้ำให้ลึกกว่าเดิม เพื่อดูสัดส่วนของแร่หนักที่มีมูลค่าสูง เช่น ดิสโพรเซียม (Dy) ประเด็นสำคัญมีว่า...เรายังไม่มีเหมืองแรร์เอิร์ธและยังไม่มีเทคโนโลยีสกัดเอง ที่มีการส่งออกแรร์เอิร์ธกว่า 10,000 ตันในปัจจุบัน มาจาก “หางแร่ดีบุก” ที่นำเข้ามาแต่งในประเทศโรงงานไทยยังไม่มีความสามารถในการ “สกัดแยกแรร์เอิร์ธ” ได้จริง...เหมืองดีบุกที่เคยให้หางแร่ก็แทบหมดไปเหลือเพียง 2-3 แห่ง ถ้าทำเหมืองจริงใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป ซึ่งต้องเริ่มจากการสำรวจเชิงลึก...ประเมินความคุ้มทุน...ทำรายงาน EHIA ซึ่งผู้เชี่ยวชาญยอมรับว่าทุกเหมืองมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมท่ามกลางกระแสข่าวบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกาในการสำรวจและพัฒนา “แรร์เอิร์ธ” หรือ “แร่หายาก” ซึ่งเป็นทรัพยากรยุทธศาสตร์สำคัญในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ชิปอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีอวกาศข้อตกลงนี้ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณดีในมุมเศรษฐกิจ แต่ในความเป็นจริง...“ประเทศไทย” อาจกำลังเดินเข้าสู่ “เกมที่เสียเปรียบเต็มประตู” ทั้งในเชิงทรัพยากร อธิปไตยทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมภายใต้ความร่วมมือที่ดู “เท่าเทียม” บนกระดาษ สหรัฐฯ มีเป้าหมายชัดเจนในการหาทางพึ่งพาทรัพยากรนอกประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาจีนในห่วงโซ่การผลิตแรร์เอิร์ธ ซึ่งจีนถือครองสัดส่วนการผลิตมากกว่า 60-70% ของโลก นี่จึงอาจไม่ใช่ “โอกาสร่วมมือ” แต่เป็น “การแย่งชิง” พื้นที่ยุทธศาสตร์ทรัพยากรภายใต้โครงสร้าง MOU ที่ไม่เปิดเผยรายละเอียดสัดส่วนผลประโยชน์อย่างชัดเจน ไทยอาจไม่มีสิทธิ์ต่อรองราคาหรือกรรมสิทธิ์เหนือแร่ที่ขุดได้จริง สิ่งที่น่ากังวลคือ เทคโนโลยีการสกัดและแปรรูปยังคงอยู่ในมือสหรัฐฯ ขณะที่ประเทศไทยถูกจำกัดบทบาทเพียง “เจ้าของพื้นที่และแรงงานต้นน้ำ”ซึ่ง...สุดท้ายอาจกลายเป็นเพียง “ผู้ให้เช่าทรัพยากรในราคาถูก”พุ่งเป้าไปที่ประเด็นสำคัญ...ผลสำรวจชี้ชัดว่าไทยมีแรร์เอิร์ธกระจายทั่วประเทศ แต่ปัญหาหลักคือ “โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี”...หากรีบเปิดสัมปทานโดยยังไม่มีขีดความสามารถเอง...ไทยจะกลายเป็น “ผู้ส่งออกวัตถุดิบราคาถูก” ให้ต่างชาติสร้างมูลค่าแทนMOU กับสหรัฐฯ อาจเป็น “จุดเร่ง” ให้ต่างชาติเข้ามาชี้นำเกม...การที่ผู้เชี่ยวชาญเองยังไม่เห็นรายละเอียดของข้อตกลง สะท้อนว่า MOU นี้อาจถูกผลักดันในระดับนโยบายมากกว่าทางวิชาการหรือไม่“สหรัฐฯ” ต้องการกระจายห่วงโซ่อุปทานออกจากจีน จึงอาจใช้ไทยเป็น “ฐานทรัพยากรใหม่”...หากไทยไม่เร่งสร้างกติกาในการคุ้มครองอธิปไตยทางทรัพยากร ก็มีแนวโน้มจะเสียเปรียบเต็มประตูหากจะมองลึกซึ้งยิ่งไปกว่านั้น...พิจารณาในมิติ “ภูมิรัฐศาสตร์” การทำ MOU นี้อาจถูกใช้เป็น “เครื่องมือผูกพัน” ให้ไทยต้องวางตัวในแนวร่วมของสหรัฐฯ ในยุทธศาสตร์อินโด...แปซิฟิก โดยอ้างเรื่อง “ความมั่นคงทางพลังงานและเทคโนโลยีสะอาด” ผลคือ “ไทย” อาจถูกกดดันให้สละความเป็นกลางทางการเมืองระหว่างมหาอำนาจ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในกรณีการค้าเทคโนโลยีชิปกับจีนนอกจากนี้แล้วไทยเรายังอาจต้องยอมรับข้อกำหนดที่เข้มงวด เช่น มาตรฐานสิ่งแวดล้อมการส่งออก หรือแม้แต่เงื่อนไขทางกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทอเมริกันโดยตรง ซึ่งอาจทำให้เกิด “การผูกขาด” การสำรวจและขุดแรร์เอิร์ธในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกเรื่องที่สำคัญ ประเด็นสิ่งแวดล้อม...ประดุจดั่งคำมั่น “ควบคุมได้” อาจดีในทฤษฎี แต่ยากในทางปฏิบัติ? แม้กฎหมายไทยกำหนดให้ต้องทำ EHIA ก่อนเปิดเหมือง แต่ในความเป็นจริง การบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมในไทยยังมีช่องโหว่ การตรวจสอบภาคสนามมักขาดความโปร่งใสการมีส่วนร่วมของชุมชนยังเป็นเพียง “พิธีกรรมทางเอกสาร”...หากแรร์เอิร์ธเข้าสู่การผลิตจริงในพื้นที่ภูเขาและป่าต้นน้ำ ผลกระทบทางระบบนิเวศอาจ “หยุดยากและฟื้นไม่ได้”แม้ชื่อ “พลังงานสะอาด” จะฟังดูดี แต่กระบวนการสกัดแรร์เอิร์ธนั้น “สกปรกกว่าที่คิด” แร่เหล่านี้มักปนเปื้อนกัมมันตรังสี โลหะหนัก การขุด...สกัดต้องใช้กรดเข้มข้นจำนวนมาก หากไม่มีระบบจัดการที่เข้มงวดจะทำให้ดิน แหล่งน้ำปนเปื้อนอย่างรุนแรง...เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในจีนช่วงทศวรรษ 1990-2000...ต้องปิดเหมืองหลายแห่งเพราะผลกระทบสิ่งแวดล้อมเกินเยียวยา “ประเทศไทย” มีบทเรียนจากเหมืองทองคำและเหมืองแร่ตะกั่วมาแล้ว แต่ในกรณีแรร์เอิร์ธ ผลกระทบอาจรุนแรงกว่าหลายเท่า เพราะแร่เหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการเคมีซับซ้อน การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมแทบเป็นไปไม่ได้ในระยะสั้น“แรร์เอิร์ธ” คือทองคำยุคใหม่ของโลก หากไม่มีระบบคุ้มครองทรัพยากรรอบด้านและขาดเทคโนโลยีที่ดีมีศักยภาพพร้อมรับมือ “ประเทศไทย” ก็จะเป็นได้เพียง “ผู้ถือครองสมบัติที่ไม่เคยได้ใช้”...MOU ที่ดูเหมือน “ประตูเปิดสู่อนาคต” อาจกลายเป็น “ประตูสู่การสูญเสีย” หากเราไม่ทันเกมอย่าให้คำว่า “ความร่วมมือ” กลายเป็นใบเบิกทางให้ใครมาขุดอนาคตของแผ่นดินเราไปต่อหน้าต่อตา.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม