ผมอ่านเจอเรื่องเส้นสีภาษา ลีลาวรรณกรรม ของศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.กุสุมา รักษณี ก็ยิ่งแน่ใจเอาความรู้ลึกเร้นด้านภาษาที่มักจบลงด้วยลีลา อย่างของอาจารย์ ปรัชญา ปานเกตุ นี่ล่ะ! เป็นดอกไม้ตัวหนังสือ ร่วมบูชาแสดงความคารวาลัยเปิดภาษาสรรวรรณศัพท์ (สถาพรบุ๊คส์ พิมพ์ พ.ศ.2566) ถึงหัวข้อฝนตกเป็นเหตุให้สังเกตได้...“ฝน” หมายถึงน้ำที่ตกลงมาจากเมฆเป็นเม็ดๆ มีต่างๆ เช่น ฝนขี้มอด (ถิ่นใต้) ฝนตกกะช่ำกะชือ (สุพรรณบุรี) ฝนตกฉ่อๆ (กำแพงเพชร สุโขทัย) ฝนตกสกๆ (สงขลา) ฝนตกสุยๆ (ถิ่นเหนือ) ฝนละลืม (โคราช) ฝนลินหรือฝนตกลิน (ถิ่นอีสาน) ฝนสิม ฝนสิมๆ (เพชรบุรี) ฝนอ่อย (ระยอง เชียงใหม่)ใช้นับอายุ หมายความว่า รอบปี ขวบปี เช่น ควาย 3 ฝน เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมา 18 ฝนวรรณคดีใช้ “เผลียง” “พรรษ” “พลาหก” “พิรุณ” “วรรษ” “วรุณ” “วลาหก” หรือวัสสะ ก็มี ตัวอย่างจากกากีคำฉันท์...ดินฤาจะไร้เกลียง ครั้นยามเผลียงก็งอกงามกูไซร้ใช่ชายทราม แลจะไร้ซึ่งภรรยา“ฝนชะช่อมะม่วง” หรือ “ฝนชะลาน” หมายถึงฝนที่ตกประปรายในเดือนมกราคมถึงมีนาคม ซึ่งเป็นระยะเวลาที่มะม่วงออกช่อ ชาวนาเรียกฝนชะลาน เพราะตกในระยะที่จะนวดข้าวบนลานต้องทำความสะอาดลาน “ฝนหลงฟ้า” หรือ “ฝนหลงฤดู” ก็เรียก“ฝนโบกขรพรรษ” หมายถึงฝนในใบบัว หรือฝนดุจน้ำตกลงในใบบัว คือชื่อฝนวิเศษที่กล่าวไว้ว่า ใครอยากจะให้เปียกก็เปียก ถ้าไม่อยากให้เปียกก็ไม่เปียก เหมือนน้ำตกลงบนใบบัว“ฝนซู่” หรือ “ฝนไล่ช้าง” หมายถึงฝนที่ตกหนักโดยกะทันหัน ในระยะเวลาสั้นๆแล้วหยุดตกในทันทีทันใด“ฝนห่าแก้ว” หมายถึงฝนลูกเห็บขนาดเล็ก “ฝนสั่งฟ้า” หมายถึงฝนที่ตกหนักเป็นครั้งสุดท้าย ช่วงปลายฤดูฝนแล้วจะไม่ตกอีก จนถึงฤดูฝนหน้า ใช้เป็นสำนวนหมายถึงสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจากกัน“ฝนสั่งฟ้า ปลาสั่งหนอง” หรือ “น้ำสั่งฟ้า ปลาสั่งฝน” ก็ว่า ดังตัวอย่างจากบทดอกสร้อยสวรรค์ครั้งกรุงเก่า...ครวญเอยครวญครวญ แต่ป่วนใจพี่เป็นที่สุด ทุกข์ของใครในเมืองมนุษย์ ไม่เปรียบดุจทุกข์เราสองรา ถึงน้ำสั่งฟ้าปลาสั่งฝน ทุกข์เราสองคนนี้ยิ่งกว่า...สำนวน “ฝนตกก็แช่ง ฝนแล้งก็ด่า” หมายถึงการทำอะไรๆ จะให้ถูกใจคนทั้งหมดนั้นเป็นไปไม่ได้ หรือทำอย่างไรๆก็ไม่ถูกใจสักอย่างสำนวน “ฝนตกขี้หมูไหล” หมายถึงพลอยเหลวไหลไปด้วยกัน มักใช้เข้าคู่กับ “คนจัญไรมาพบกัน” ว่า “ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมาพบกัน” (สำนวนนี้ โอกาสบ้านเมืองปกติ ผมมักขยักไว้ตอนท้าย)สำนวน “ฝนตกไม่ทั่วฟ้า” หมายถึงให้ หรือแจกจ่ายอะไรไม่ทั่วถึงกัน สำนวน “ฝนตกไม่มีเค้า” หมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่มีวี่แวว หรือไม่ได้คาดคิดไว้ก่อน“ฝนตกไม่เชื่อดาว” หมายถึงอย่าไว้วางใจใคร หรืออะไรจนเกินไป มักใช้เข้าคู่กับ “มีเมียสาวอย่าเชื่อแม่ยาย” ว่า “ฝนตกอย่าเชื่อดาว มีเมียสาวอย่าเชื่อแม่ยาย”สำนวน “พลอยฟ้าพลอยฝน” หมายถึง ไม่ได้เกี่ยวข้องแต่ก็ร่วมรับเคราะห์ไปกับเขาด้วยแล้วก็ถึงมุกท้ายจบเรื่องอาจารย์ ปรัชญา ปานเกตุ บอกว่ามักคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับฝนหนึ่งคือวิธีห้ามฝน และเรียกฝน...โบราณว่าถ้าจะห้ามฝนให้วานแม่ม่ายหรือบางตำราว่าสาวพรหมจรรย์ปักตะไคร้กลับหัวกลางหาว แล้วอธิษฐานฝนจะขาดเม็ด และหยุดตกเหมือนเทวดาปิดก๊อกกลับกัน ถ้าจะเรียกฝน... ไม่ยาก สิทธิการิยะ ท่านให้ตั้งพิธีซักผ้า หรือตั้งท่าล้างรถ ฝนจะเทลงมา เทลงมา เทลงมา จนผ้าสูเปียก ผ้าสูเปียก ผ้าสูเปียก จนรถสูเลอะ รถสูเลอะ รถสูเลอะแลนา.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม