การประชุมสภาฯนัดส่งท้าย ก่อนปิดสมัยประชุม ได้มีการพิจารณากระทู้ ถามเรื่องการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ โดยนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ที่เกาะติดตรวจสอบเรื่องนี้ ระบุว่า ฐานสแกมเมอร์ส่วนใหญ่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะกัมพูชามีฐานปฏิบัติการที่ยืนยันได้ 53 แห่ง และที่ต้องสงสัยอีก 40 กว่าแห่งแต่หน่วยงานของไทยไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ประกาศเรื่องสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ แต่ไม่มีการขยายผลปราบปรามกับพวกไทยเทาอย่างจริงจัง ถ้าไม่ได้ประโยชน์จากแก๊งสแกมเมอร์ เหตุใดไม่ดำเนินการ จึงสงสัยว่าเพราะมีนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐสีเทา จึงไม่สามารถแก้ปัญหาได้พร้อมเสนอให้รัฐบาลแก้ปัญหาสแกมเมอร์ โดยกำหนดนโยบายเป็นรูปธรรม ชัดเจน เช่น ทำเอ็มโอยูกับประเทศต่างๆ ประกาศกรอบเวลาให้ชัด มีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน ตั้งศูนย์ยุทธการมอนิเตอร์ข้อมูลประเทศต่างๆ 24 ชั่วโมง เพื่อปิดอินเตอร์เน็ต แหล่งเงิน ทำลายโครงสร้างอาชญากรรม และออก พ.ร.ก.ปราบปรามสแกมเมอร์อย่างจริงจังเร่งประกาศโครงสร้างการทำงาน ให้ชัดว่าใครคือแม่ทัพเบอร์หนึ่ง เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้ง วางกรอบเวลาและเคพีไอแต่ละช่วงเวลาว่าจะทำอะไรให้เกิดขึ้นบ้าง และเมื่อข้อมูลชี้ชัดว่ามีนักการเมืองและรัฐมนตรีบางคน ในรัฐบาลถูกเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ แต่ไม่ยอมมาชี้แจงต่อกรรมาธิการของสภาฯความเชื่อมั่นรัฐบาลจึงถูกตั้งคำถาม ประธานวิปรัฐบาลมองเห็นว่าใคร เป็นโจร แต่ทำไมนายกฯไม่รู้ ถ้าเคลียร์เรื่องนี้ไม่ได้ ประชาชนก็ไม่มีความเชื่อมั่น ทุนเทาจะยึดประเทศไทย มีเงินหลายแสนล้านบาทถูกฟอกผ่านธุรกิจในไทย เช่น ร้านอาหาร มูลนิธิ ธุรกิจขนาดใหญ่ ไทยจะเป็นสวรรค์ฟอกเงิน ภาพลักษณ์ประเทศก็ไม่ต่างจากกัมพูชาพร้อมชี้ว่าคนพวกนี้อยากได้การ ปกป้องจากอำนาจรัฐ ซื้อข้าราชการ นักการเมือง เลือกตั้งครั้งหน้าเงินเหล่านี้จะลงสู่การเลือกตั้ง แก๊งสแกมเมอร์กำลังจะซื้อประเทศไทย แต่รัฐบาลกลับซื้อเวลา แค่ตั้งคณะกรรมการแต่ไม่ได้ดำเนินการเป็นรูปธรรม จึงขอให้นายกฯเร่งจัดการ เพื่อไม่ให้ประเทศตกอยู่ในอาณาจักรสีเทาที่จ้องยึดประเทศด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ บอกว่ายินดีที่จะรับฟัง เพราะนายรังสิมันต์ ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด การได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นถือเป็นประโยชน์ ส่วนที่มีการพาดพิงว่า มีรัฐมนตรีพัวพันแก๊งสแกมเมอร์ ยืนยันถ้าใครทำผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรมจะดำเนินการ โดยไม่มีข้อยกเว้น เมื่อนายกฯลั่นคำแล้ว ก็ต้องรอดูว่าจะทำจริง หรือพูดแต่ปาก.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม